พบกันอีกครั้งแล้วนะคะและในวันนี้ ผู้เขียนอยากจะมาแนะนำ ซีรีย์เกาหลี แนวซีรีส์ดราม่าเรื่องใหม่เอี่ยมที่ได้สองนักแสดงต่างวัยฝีมือยอดเยี่ยม รามีรัน มาประชันอารมณ์กับ อีโดฮยอน ชื่อเรื่องว่า The Good Bad Mother แม่ดี แม่ร้าย เป็นเรื่องที่ผ่ายสายใยรักระหว่างแม่ลูกซึ่งถูกโชคชะตากลั่นแกล้งอย่างสาหัส เตรียมสัมผัสฉากชีวิตชวนตับพัง ทิชชู่หมดลังคงไม่พอซับน้ำตา ช่องทางการรับชม : ดูหนังออนไลน์
ซีรีส์เรียกน้ำตาของ รามีรัน x อีโดฮยอน
เรื่องย่อ The Good Bad Mother
The Good Bad Mother เรื่องย่อ เรื่องราวเริ่มต้นที่ฟาร์มหมูเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบทของเกาหลี ที่ที่ลูกหมูได้วิ่งเล่นอย่างอิสระในทุ่งโล่งกว้าง เปิดเรื่องด้วยปรัชญาชีวิตแบบหมูๆ ที่ทำให้ผู้ชมเปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่อ “เจ้าหมู” สัตว์ที่เรามองว่ามันช่างสกปรกและขี้เกียจเสียเหลือเกิน คนมักจะเปรียบหมูว่า วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่กินแล้วก็นอน
ทว่าธรรมชาติของหมูเป็นสัตว์รักสะอาดและอารมณ์ดี มันจะขับถ่ายที่เดิมเสมอ นอนในที่ที่สะอาด มันจะเอาตัวไปคลุกโคลนเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายและไล่แมลง แต่มนุษย์จับหมูมาขังไว้ในคอกแคบๆ ทำให้มันเอาตัวไปคลุกโคลนไม่ได้ มันจึงต้องเอาตัวไปคลุกอึและฉี่ของตัวเองแทน จนสุดท้ายหมูก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สกปรกและอารมณ์รุนแรงขึ้น เพราะมันถูกทำให้สกปรกโดยฝีมือมนุษย์นั่นเอง
วิถีแห่งหมูก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวชีวิตของครอบครัวหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากความรักและความฝันของเจ้าของฟาร์มหมูกับภรรยา ทั้งสองจิตใจดีและมองโลกในแง่ดี ทั้งยังทุ่มเทให้กับการเลี้ยงหมูด้วยความรักและความเข้าใจในธรรมชาติของพวกมัน
แต่แล้วครอบครัวที่อบอุ่นก็ถูกทำลายในชั่วข้ามคืน เมื่อผู้เป็นสามีถูกฆาตรกรรมโดยเจ้าของบริษัทก่อสร้างที่เข้ามากว้านซื้อที่ดิน
ซ้ำร้ายอัยการยังรับเงินสดเพื่อปิดคดีไปแบบเงียบๆ วันคืนที่เคยมีความสุขและการมองโลกที่สดใสของ “ยองซุน” (รับบทโดย รามีรัน) ได้แปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์และไร้ศรัทธาต่อระบบยุติธรรม
ทว่าหัวใจของคนเป็นแม่ก็ยอมแพ้ให้กับโชคชะตาและความอยุติธรรมไม่ได้ เธอจึงขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในหมู่บ้านโจอูรี ซึ่งทีแรกคนในหมู่บ้านก็รวมตัวกันขับไล่เธอ ด้วยไม่ปลื้มฟาร์มหมูที่ทั้งเหม็นและสกปรก
แต่ทันทีที่ได้พูดคุยกับยองซุน ชาวบ้านก็แปรเปลี่ยนความเห็นใจ ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพอันอบอุ่นและความซื่อใสประสาคนในชนบท
(ฟิลคล้ายหมู่บ้านกงจินในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha) และที่นั่นเธอได้คลอดลูกชายในวันและเวลาใกล้เคียงกับลูกสาวของอีกครอบครัวพอดิบพอดี
เธอมีชื่อว่า “อีมีจู” (รับบทโดย อันอึนจิน) และเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักครั้งใหม่ของคู่ชาย-หญิงที่มีพรหมลิขิตให้เกิดมาคู่กัน
ดังเช่นหมูที่เกิดมามองโลกในแง่ดี รักสะอาด และรักอิสระ เมื่อพวกมันถูกมนุษย์กักขังทั้งร่างกายและจิตใจจนไร้ซึ่งอิสรภาพ หมูจึงกลายเป็นสัตว์เจ้าอารมณ์
ยองซุนที่มองโลกในแง่ดีจึงเลี้ยงดูและกดดันลูกชายคนเดียวอย่าง “คังโฮ” (รับบทโดย อีโดฮยอน) ให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออย่างหนัก
เพื่อสอบเป็นอัยการตามความฝันของผู้เป็นแม่ แม้จะต้องสูญเสียอิสรภาพในวัยเด็ก และเสียงหัวเราะของการเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ก็ตาม
เพราะยองซุนฝันอยากให้ลูกมีเงินและอำนาจ เพื่อมาต่อสู้กับความอยุติธรรมและเป็นตัวแทนคนยากจนไร้การศึกษา
แต่แล้วหนทางที่ยองซุนทุ่มเทกลับทำให้ลูกชายกลายเป็นคนเย็นชา และไม่ได้ใช้อำนาจไปเพื่อปกป้องคนยากจนอย่างที่คาดคิด
ปรัชญาชีวิตแบบหมูๆ ที่ไม่หมูอย่างที่คิด
เรื่องนี้เริ่มต้นมาด้วยปรัชญาชีวิตแบบหมู หมู ที่ว่าด้วยชีวิตแสนสะอาดตามธรรมชาติของหมูที่ถูกทำให้สกปรกโดยมนุษย์ ด้วยการพูดถึงไลฟ์สไตล์ของหมูว่า
หมูเป็นสัตว์ที่รักสะอาด มันขับถ่ายที่เดิมเสมอ และจะนอนในที่ที่สะอาด มันมักจะเอาตัวไปคลุกโคลนเพื่อลดอุณหภูมิและป้องกันแมลง
แต่มนุษย์มักจะขังหมูไว้ในคอกแคบ ๆ ทำให้มันคลุกโคลนไม่ได้ จนต้องเอาตัวไปคลุกกับอึและฉี่ของตัวเอง จนในที่สุดก็ทำให้หมูอารมณ์ดีกลายเป็นหมูที่มีอารมณ์รุนแรงขึ้น ช่างน่าสงสารจริง ๆ หมูเอ้ย
แต่ที่น่าสงสารมากกว่านั้นคือ ทั้ง ๆ ที่หมูเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ตั้งแต่หัวจดเท้า แต่หมูก็เงยหน้าไม่ได้มันจึงมองเห็นโลกแค่ด้านเดียวโดยไม่เคยเห็นท้องฟ้าเลย
สิ่งที่จะทำให้หมูมองเห็นท้องฟ้าหรือโลกอีกด้านหนึ่งได้คือการล้มตัวลง เหมือนมนุษย์ที่ต้องล้มลงเสียก่อนถึงจะเห็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม อาห์
เริ่มต้นมาก็ร่ายมนตร์ปรัชญาใส่คนดูซะแล้ว บ่งบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องอัดแน่นไปด้วยดราม่าเข้มข้นอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
บทซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเทียบชีวิตของมนุษย์กับหมู ที่กว่าจะมองเห็นโลกอีกด้านหนึ่งได้ ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคเสียก่อนถึงจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่า
ชีวิตที่ผ่านมาได้ทำผิดพลาดอะไรไป และการล้มลงก็เป็นได้ทั้งบทลงโทษจากความผิดพลาดและพรจากสวรรค์ที่เปิดโอกาสให้เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ด้วยการให้ยองซุนผู้เป็นแม่ได้พบว่าที่ผ่านมาการเป็นแม่ร้ายของตัวเอง ที่ถึงแม้จะทำไปด้วยเจตนาดี แต่ก็เป็นการทำร้ายจิตวิญญาณของลูกตัวเองจนไม่ต่างอะไรกับหมูที่เธอเลี้ยงอยู่ในคอกเลยสักนิด
คังโฮที่เคยเป็นเด็กร่าเริงต้องถูกพรากรอยยิ้มไปทีละน้อย จากน้ำมือและความหวังดีของแม่ตัวเอง เขาไม่เคยได้ออกไปทัศนศึกษากับเพื่อนในโรงเรียน
ไม่เคยได้เที่ยวเล่นนอกบ้าน ไม่เคยได้ดูทีวีรายการโปรดและไม่แคยแม้แต่จะได้กินข้าวหมดจาน “อย่ากินข้าวจนอิ่ม เพราะมันจะทำให้ง่วงจนอ่านหนังสือไม่ได้”
นี่คือคำที่แม่บอกกับเขาทุกวัน จนฝังอยู่ในความทรงจำชนิดที่แกะไม่ออก แม้ในวันที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม และเป็นฉากที่ทำให้คนดูจุกอยู่ในอกและอดเสียน้ำตาความขมขื่นของคังโฮไม่ได้..แง น้ำตาไหลเลยจ้า
ความดราม่าที่มาพร้อมความตลกและอบอุ่น
ชีวิตของหมูนั้นน่าเห็นใจ พวกมันไม่สามารถเงยหน้ามองท้องฟ้าได้ เหมือนมนุษย์ ทางเดียวที่หมูจะมองเห็นท้องฟ้าคือการหงายท้อง
หรือมองโลกในมุมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับชีวิตของสองแม่-ลูกที่เดินทางมาสู่จุดพลิกผันครั้งใหญ่ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ทั้งคู่ได้บทเรียนสำคัญและโอกาสที่สองของชีวิต
ในที่สุดคังโฮก็สอบเป็นอัยการสมดังความตั้งใจของแม่ แต่เขากลับไม่ใช่อัยการดีอย่างที่คิด ปมฝังใจในอดีตของยองซุนได้ส่งต่อมาสู่คังโฮ
เธอโกรธแค้นผู้มีเงินและอำนาจ จนผลักดันให้คังโฮก้าวสู่ชีวิตที่เพียบพร้อมไปด้วยเงินและอำนาจ ทว่าในใจของคังโฮนั้นมีแผนบางอย่าง
เขาพยายามเข้าหามาเฟียเจ้าของธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่ (ที่เคยฆ่าพ่อของเขา) และได้รับความไว้วางใจถึงขั้นได้เป็นลูกบุญธรรม
แล้วยังวางแผนแต่งงานกับลูกสาวของ สส. (อดีตทนายความรับสินบนในคดีฆาตกรรมพ่อของเขา) รวมถึงคังโฮยังตัดขาดกับแม่อย่างไร้เยื่อใย
แต่แล้วคังโฮก็ประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นอัมพาต และความทรงจำย้อนกลับไปตอนเขาอายุ 7 ขวบ ทำให้คังโฮต้องกลับไปอยู่ในการดูแลของแม่อีกครั้ง
ฝ่ายยองซุนก็ได้รับบทเรียนจากอดีตที่ว่า เงินและอำนาจอาจไม่ใช่คำตอบและความสุขของชีวิตเสมอไป คังโฮสอนให้เธอรู้ว่า
ลูกชายที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็พร้อมจะทิ้งแม่ได้เช่นกัน ส่วนคังโฮก็กลับไปเป็นเด็กตัวน้อยเพื่อแก้ปมฝังใจในวัยเด็ก
สองแม่ลูกจึงได้โอกาสเริ่มต้นชีวิตที่สองอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาจะทำให้ดีกว่าเดิมด้วยการมอบความรักและความสุข…ในวันที่ยังมีกันและกัน
นักแสดงนำ
รามีรัน รับบทเป็น จินยองซุน หญิงสาวผู้ถูกโชคชะตากลั่นจนกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ซ้ำยังต้องดูแลลูกชายคนเดียวผู้พิการทางสมองหลังประสบอุบัติเหตุ แม้เนื้อแท้ของเธอจะเป็นคนจิตใจดี หากแต่การเอาตัวรอดจากสังคมทำให้เธอต้องสวมบทเป็นแม่ใจร้ายเพื่อปกป้องลูกชายให้ปลอดภัย
อีโดฮยอน รับบทเป็น ชเวคังโฮ ลูกชายคนเดียวของจินยองซุนผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด แม้ต้องใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างอึดอัดจากความเคร่งครัด ทว่าวินัยของแม่ได้ส่งให้เขาประสบความสำเร็จในฐานะอัยการ ทว่าพระเจ้ากลับพิพากษาให้เขาประสบเคราะห์ร้ายจนกลายเป็นเด็กวัยเจ็ดขวบอีกครั้ง
อันอึนจิน รับบทเป็น อีมีจู หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนเกลอของชเวคังโฮจากการลืมตาดูโลกห่างกันเพียงไม่กี่นาที เธอมอบหัวใจให้ชเวคังโฮตั้งแต่วัยไร้เดียงสา ก่อนจะแยกย้ายกันไปเติบโตกันคนละเส้นทาง ทว่าท้ายที่สุดเธอได้กลับมาพบรักแรกอีกครั้งในวันที่เขากำลังต่อสู้กับอาการป่วยทางสมอง
ยูอินซู รับบทเป็น บังซัมชิก ลูกชายของประธานสมาคมสตรีแห่งหมู่บ้านโจอูรี เขาเป็นคนหน้าตาดีแต่ชอบทำตัวมีปัญหา โดยเฉพาะความอิจฉาที่มีต่อชเวคังโฮจึงแสดงออกด้วยการกลั่นแกล้งรังแกมาตั้งแต่เด็ก ทว่าเมื่อเติบโตขึ้นกลับต้องคุกเข่าวิงวอนให้เขาช่วยเหลือในวันที่ตัวเองต้องคดีลักทรัพย์จนติดตะราง
ซีรีส์ดราม่าอบอุ่นหัวใจจำนวน 14 ตอน จากช่อง JTBC สร้างสรรค์โดย นักเขียนแบเซยอง หญิงเก่งผู้คร่ำหวอดทางสายภาพยนตร์จากผลงานชื่อดังอย่าง Extreme Job (2019)
และ Life is Beautiful (2022) ผนึกกำลังร่วมกับ ผู้กำกับหญิงชิมนายอน การันตีฝีมือด้วยการล้มคู่แข่งสายแข็งแล้วพาผลงานชิ้นโบแดงอย่าง Beyond Evil (2021)
คว้ารางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมแพคซังได้สำเร็จ ชื่อชั้นทีมหลังกล้องยังชวนขนลุกขนาดนี้
รีวิว the good bad mother บทสรุป
ซีรีส์จะชวนคุณอมยิ้มไปกับเรื่องราวน่ารักๆ ของผู้คนในชนบท ที่ที่เต็มไปด้วยความซื่อใส จริงใจ และความดูแลเอาใจใส่ของคนในหมู่บ้าน
แม้บางตัวละครจะมีคาแร็กเตอร์แปลกประหลาดไปบ้าง อย่างภรรยาของผู้ใหญ่บ้านที่มาส์กหน้าตลอดเวลา จนไม่มีใครเคยเห็นหน้าจริงของเธอ
แล้วยังมีความโรคจิตเล็กๆ ที่ดูมีสีสัน รวมถึงชาวบ้านที่แม้จะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผิดใจกันบ้าง แต่ก็ให้อภัยและพึ่งพาอาศัยกันด้วยความจริงใจ
เป็นฟีลที่เราสัมผัสได้ในซีรีส์หลายเรื่องของเกาหลีช่วงหลัง นับจากความสำเร็จของ Hometown Cha-Cha-Cha
ซีรีส์ยังสอดแทรกความตลกแบบเรียบง่าย ไม่ยัดเยียดว่าต้องขำ แต่เป็นความขำบนความน่ารักตามประสาวิถีคนต่างจังหวัด ที่คิดอย่างไรก็พูดและแสดงออกไปอย่างนั้น
แถมยังมีเด็กฝาแฝดชาย-หญิงที่เป็นลูกๆ ของมีจูกับชายปริศนา (ที่เดาไม่ยากว่าน่าจะเป็นคังโฮ) ที่กลายเป็นเพื่อนรักต่างวัยของคังโฮ ในวันที่อายุสมองของเขาเท่ากับเด็ก 7 ขวบ
ส่วนมีจูที่แอบรักคังโฮมาตั้งแต่เด็กและหลบไปใช้ชีวิตระหกระเหินด้วยการเป็นช่างทำเล็บในโซล ก็เจอมรสุมชีวิตจนต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ในบ้านเกิดอีกครั้ง และทำให้เขาได้พบกับคังโฮที่เคยทำให้เธอทุกข์ใจอย่างมาก
รีวิว the good bad mother ความรู้สึกหลังดู
ท่ามกลางความดราม่าจนน้ำตาร่วงริน ซีรีส์ยังสอดแทรกคำคมเด็ดๆ และมุมมองชีวิตที่อบอุ่นไว้ อย่างตอนที่คังโฮโดนล้อว่าเป็น “เจ้าบื้อ” แม่กลับบอกว่า
คังโฮเป็นคนโชคดีที่ได้รับพรจากสวรรค์ให้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ทั้งที่หลายคนอยากมีโอกาสย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตเช่นกัน
นั่นทำให้คังโฮมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป และพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะกลับมาเป็นคนปกติและเดินได้อีกครั้ง
ส่วนยองซุนเองก็ได้รับโอกาสที่สองในชีวิตที่จะเลี้ยงลูกให้มีอิสระและทำตามความฝันของตัวเอง คำพูดติดปากที่เธอเคยสั่งสอนลูกว่า “ห้ามกินอิ่มเดี๋ยวจะง่วง
ง่วงแล้วก็ไม่ได้อ่านหนังสือ” กลายเป็นประโยคที่ย้อนกลับมาทำร้ายเธอให้เจ็บช้ำ ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมทำผิดพลาดจนลูกกลายเป็นคนจิตใจไม่ดี
เพราะเธอเปลี่ยนมาเลี้ยงเขาด้วยหัวใจ และมอบความรักความห่วงใยในแบบที่มีแต่แม่เท่านั้นที่จะมอบให้กับลูกได้ แม้บางที “แม่ดี” กับ “แม่ร้าย” จะอยู่ในคนๆ เดียวกันก็ตาม
แนว : ดราม่า | คอมเมดี้ | อบอุ่นหัวใจ | ครอบครัว
ผู้กำกับ : ชิมนายอน (ผลงานก่อนหน้า กำกับซีรีส์ Beyond Evil)
นักเขียนบท : แบเซยอง (ผลงานก่อนหน้า ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ Extreme Job)
ช่อง : JTBC
จำนวนตอน : 14 ตอน
ช่วงเวลาออนแอร์ : ทุกวันพุธ และ วันพฤหัสบดี เวลา 22.30 น. (เกาหลี)
วัน-เวลาออนแอร์ : 26 เมษายน – 8 มิถุนายน 2566 (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เรื่องก่อนหน้า : The Interest of Love
เรื่องต่อไป : Miracle Brothers
แนะนำรีวิวซีรีย์เกาหลีแนวแฟนตาซี : รีวิว tale of the nine tailed 1938