รีวิวซีรีย์ Black Knight และในวันนี้ผู้เขียนก็มี ซีรีส์เกาหลี ที่สร้างจากการ์ตูนแนวไซไฟโลกดิสโทเปีย เป็นซีรีส์เกาหลี Original Netflix 6 ตอนจบ ที่มีพากย์ไทย เป็นเรื่องราวในโลกอนาคตปี 2071 ที่ย่อยยับจากมลพิษทางอากาศ ความอยู่รอดของมนุษยชาติขึ้นอยู่กับเหล่า “ แบล็คไนท์ ” ที่ไม่ใช่แค่คนส่งของธรรมดาทั่วไป เนื้อเรื่องจะสนุกและน่าดูยังไงไปติดตามรีวิวกันค่ะ เชิญติดตามหนังดังช่องทางการรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์

Black Knight ซีรีส์เกาหลีแนวไซไฟโลกหายนะ

รีวิวซีรีส์ Black Knight

รีวิวซีรีย์ Black Knight เรื่องย่อ

Black Knight เรื่องย่อ ซีรีส์ว่าด้วยเรื่องของเหล่าอัศวินที่เป็นความหวังของมวลมนุษยชาติ เมื่อโลกอนาคตกำลังล่มสลายจากมลพิษทางอากาศ

ผู้คนที่มีสถานะทางสังคมดีกว่า ก็มีโอกาสมากกว่าในการหนีลงไปอาศัยอยู่ใต้ดิน ปล่อยให้ผู้ลี้ภัยที่มีสถานะไม่ต่างอะไรจากคนชายขอบ ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดบนพื้นดิน กับความอดอยาก ขาดแคลน และไร้ซึ่งอากาศบริสุทธิ์ที่พอจะใช้หายใจ

เหล่าอัศวินดำ หรือ แบล็คไนท์ คือคนส่งของของ CM Group หน้าที่ของพวกเขาคือนำออกซิเจนและสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตไปส่งให้ผู้รับ

โดยหลักใหญ่ใจความคือ ในเวลากลางวัน พวกเขาเป็นคนส่งของธรรมดา แต่ในเวลาค่ำคืน พวกเขาจะออกช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเดือดร้อน

ประเด็นหลักที่ซีรีส์แบล็คไนท์บอกเล่าก็ไม่ต่างจากต้นฉบับเว็บตูนของนักเขียนอียุนคยุน โลกใบนี้จะมีคนเพียง 1% ที่ได้ครอบครองและมีอำนาจในการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัด .

การยึดอำนาจนี้ไว้จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เหล่า แบล็คไนท์ ต้องการต่อต้าน และมอบความยุติธรรมคืนให้กับประชาชนทุกคน

รีวิวซีรีส์ Black Knight

ฉากหลังของซีรีส์เรื่องนี้ ฉายให้เห็นโลกอนาคตในปี 2071 ที่ย่อยยับจากมลพิษทางอากาศ กรุงโซลกลายเป็นทะเลทราย และเต็มไปด้วยฝุ่นพิษที่หากไม่สวมหน้ากากออกซิเจน จะทำให้ป่วยและเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว แบล็คไนท์ 2023 พากย์ไทย

ความอยู่รอดของผู้คน จึงขึ้นอยู่กับออกซิเจนที่มีอยู่อย่างจำกัด คือกลุ่มบุคคลสำคัญ พวกเขาเป็นคนส่งออกซิเจนไปยังที่พักอาศัยซึ่งมีการแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ

พื้นที่บนพื้นดินกลายเป็นความเลวร้ายที่สุด เพราะแทบไม่มีออกซิเจนเหลืออยู่แล้ว เป็นพื้นที่สำหรับผู้ลี้ภัย ส่วนพื้นที่ใต้ดิน ได้มีการปรับให้อยู่อาศัยได้สะดวกสบาย

และปลอดภัยจากอากาศเป็นพิษ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับพลเมืองชั้นสูง ยิ่งใต้ดินลึกเท่าไร ยิ่งสะท้อนสถานะทางสังคมที่สูงมากขึ้นไปเท่านั้น

โลกทะเลทราย วิกฤตอากาศ และการมีชีวิตบนผืนดิน

เล่าเรื่องราวได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจง่ายโดยการเกริ่นนำพูดถึงวิกฤตและปัญหาในเวลานั้น(ปี2071) ซึ่งโลกนั้นถูกจู่โจมด้วยดาวหางเลยประสบปัญหาด้านมลพิษ

ทำให้อากาศหายใจลำบาก สิ่งเดียวที่บรรเทาได้คือออกซิเจน โดยการผลิตจากนายทุนยักษ์ใหญ่ที่หวังแต่จะกอบกรวย คนมีฐานะทางสังคมถึงจะได้ก่อนส่วนคนต้อยต่ำ

ก็ต้องถูกกดขี่และตั้งสถานะให้เป็นผู้ลี้ภัย โดยเนื้อเรื่องไม่ได้พูดถึงปัญหาทางอากาศและวิกฤตอย่างเดียว ยังมีปัญหาเรื่องนายทุนหน้าเลือด

และปัญหาอำนาจที่เหลื่อมล้ำอิทธิพลที่เหนือกฎหมาย คนออกบ้านไปไหนก็ไม่ได้ต้องอยู่ในบ้าน 24 ชั่วโมงโดยอาหารและออกซิเจนต้องส่งผ่าน”คนส่งของ” เท่านั้น

คนส่งของในที่นี้ไม่ใช่คนส่งของธรรมดาต้องถูกฝึกมาอย่างโหดเพื่อรับมือกับโจรที่จะมาแย่งชิงและก่อการร้ายต่างๆ เนื่องทุกอย่างมีจำกัด

แต่ในจำนวนคนส่งของนี้ยังมี พระเอก ที่อดีตเป็นผู้ลี้ภัยโดยเขาใช้รหัสประจำตัวว่า 5-8 เขาเป็นเพียงความหวังเดียวของผู้ลี้ภัย แนะนำซีรีย์แนวแฟนตาซีโลกคู่ขนาน รีวิวซีรีย์ The King Eternal Monarch

เพราะเขายังช่วยแบ่งปันอากาศและอาหารให้กับผู้ลี้ภัย แถมยังรวมตัวผู้ดีภัยที่เป็นคนส่งของพวกเขาเหล่านั้นแข็งแกร่งและมีทักษะที่ยอดเยี่ยมและหนึ่งในนั้นคนส่งของน้องใหม่

ซาวอล หนุ่มน้อยแข็งแกร่งตัวละครสำคัญของเรื่องมาร่วมมือด้วยในครั้งนี้เพื่อล้มผู้มีอิทธิพลเพื่อความเท่าเทียมพวกเขาเลยต้องลุกขึ้นสู้

รีวิวซีรีส์ Black Knight

การแสดงของนักแสดง นักแสดงนำ คิมอูบิน รับบทผู้ลี้ภัยคนส่งของนามว่า5-8คนส่งของผู้ซึ่งเป็นฮีโร่ของผู้ลี้ภัย มีทั้งทักษะมากมายทั้งต่อสู้ยิงปืนอย่างระห่ำ คิวบู๊ของเขานั้นเป๊ะสุดจ้า

และในเรื่องยังมีนักแสดงนำและนักแสดงสมทบอีกมากมายในเรื่องที่แต่ละบทบาทแสดงออกมาได้สนุกและอิ่มมากๆหนึ่งในนั้นก็คือตัวร้ายที่รับบทโดย ซงซึงฮอน black knight เต็มเรื่อง

บอกเลยเล่นไม่น่ากลัวนะทำเอาคนดูอย่างเราอินมากๆกับตัวละครนี้ซึ่งบอกเลยว่าร้ายมาก

QR Code สัญลักษณ์แห่งสถานะ

QR Code บนหลังมือของพลเมือง มองด้านหนึ่งก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่ามีตัวตนที่รัฐจะมอบชีวิตที่ดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าการมี QR Code

จะเป็นการการันตีถึงชีวิตที่ดีไปตลอดกาล เพราะเจ้า QR Code เหล่านี้คือกับดักอย่างหนึ่งที่ทำให้ ซองมยองกรุ๊ป หรือ CM Group คล้ายๆ เป็นเจ้าของชีวิตเรา ควบคุม ติดตาม เก็บข้อมูลของเราทั้งหมดเอาไว้ในกำมือ แบล็คไนท์ เว็บตูน

และประเด็นของ CM Group ที่เป็นกลุ่มธุรกิจผูกขาดขนาดใหญ่ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะ CM Group ที่เราได้เห็นในซีรีส์มีอำนาจคล้ายๆ พระเจ้าเลยทีเดียว

ด้วยการเป็นผู้ครอบครองออกซิเจน จึงมีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายและต่อรองกับทุกภาคส่วน ถ้าสังเกตดีๆ ในซีรีส์จะปรากฏโลโก้ CM อยู่เต็มไปหมด

ย้ำเตือนได้ว่านี่แหละคือผู้ทรงอิทธิพลและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัฐบาล สะท้อนภาพการเมืองการปกครองในทุกวันนี้ได้ดี ว่าอำนาจ เส้นสาย และเงินทอง ยังคงแยกจากกันไม่ขาด

แสงสีและองค์ประกอบ แสงสีและมุมกล้องการตัดต่อภาพออกมาได้สมจริงทั้งซากปรักหักพังบ้านเรือนที่ล่มสลายสะพานข้ามแม่น้ำที่เต็มไปด้วยกองทะเลทราย

และยังมีมุมกล้องการถ่ายทำคิวบู๊ที่แสนจะเป๊ะสุดๆถ่ายออกมาได้สวยรวมถึงการแสดงของนักแสดงด้วย ยังมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัยทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้า

แม้ว่าจะถ่ายทำออกมาให้เห็นว่าการอยู่รอดบนโลกที่ไม่มีอากาศบริสุทธิ์นั้นแย่แค่ไหนแต่ก็ยังมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่อำนวยความสะดวกได้ด้วย

แถมคอสตูมการแต่งตัวที่บ่งบอกถึงบุคลิกและฐานะได้อย่างชัดเจนที่สำคัญเรื่องนี้คือชุดของพระเอกเท่มากแต่ละชุดรวมไปถึงชุดคนส่งของด้วย

คนส่งของ สถานะกลาง หน้าที่ช่วยชีวิต

คนส่งของในซีรีส์ก็คือคนทำหน้าที่ส่งออกซิเจน และสิ่งของสำคัญในการดำรงชีวิตไปยังพลเมือง ซึ่ง BN ทำงานภายใต้ CM Group อีกที

คนส่งของต้องแข็งแรง ว่องไว ต่อสู้ ขับรถ มีไหวพริบ รวมทั้งความสามารถรอบด้าน เพื่อให้ออกซิเจนและของสำคัญต่างๆ ปลอดภัยจากการถูกปล้นระหว่างทาง

เพราะฉะนั้น คนส่งของในเรื่องราวจึงมีความสำคัญ และเป็นไอดอลของผู้คน โดยเฉพาะกับเด็กๆ ผู้ลี้ภัยที่รู้ดีว่า การได้รับคัดเลือกเป็น BN คือหนทางสู่การยกระดับสถานะตัวเอง จากผู้ลี้ภัยให้มี QR Code บนหลังมือได้เหมือนพลเมืองคนอื่นๆ

และการจะขึ้นเป็น BN ได้ก็ต้องผ่านด่านการทดสอบมากมาย ซึ่งในเรื่องราวจะดำเนินผ่านคนส่งของ ‘5-8’ ที่เลือกจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยการตั้งกลุ่มอัศวินดำขึ้นมา

ชื่อเรื่อง : 택배기사
แนว : โลกอนาคต | ดิสโทเปีย | ดราม่า
ผู้กำกับ : โจอึยซอก (ผลงานก่อนหน้า เขียนบทภาพยนตร์ Golden Slumber)
คนเขียนบท : อียุนคยูน (ผู้แต่งเว็บตูน) | โจอึยซอก (ผู้เรียบเรียงบทละคร)
ช่องทางการออกอากาศ : Netflix (พร้อมซับไทย)
จำนวนตอน : 6 ตอน
วันเริ่มออกอากาศ : 12 พฤษภาคม 2566

รีวิวซีรีย์ Black Knight บทสรุป

เป็นผลงานกำกับของโจอึยซอก ที่เคยมีผลงานเขียนบท ‘Golden Slumber’ หนังแอ็กชันทริลเลอร์มาก่อน มาคราวนี้เขาหยิบเว็บตูนต้นฉบับมาดัดแปลงเองกลายเป็นซีรีส์ 6 ตอน

ที่เรียกได้ว่าเป็นงานขายโปรดักชันสุดอลังการที่ทำได้ไม่ขี้เหร่เลย ดีในระดับที่อาจจะดีกว่าหนังฮอลลีวูดบางเรื่องด้วยซ้ำ โดยงานภาพของซีรีส์ก็ทำให้นึกถึงหนังดิสโทเปียอย่าง

‘Mad Max’ โดยเฉพาะภาพการต่อสู้ของยานพาหนะบนทะเลทรายที่สลัดภาพหนังต้นฉบับได้ยากเหลือเกิน

นอกจากนี้มันยังมีหลายจุดที่ทำให้นึกถึงหนังและซีรีส์หลาย ๆ เรื่องโดยเฉพาะการแข่งขันเพื่อหาคนส่งของที่ได้บรรยากาศของหนังแนวเซอร์ไววัลอย่าง ‘The Hunger Game’

หรือกระทั่งซีรีส์เกาหลีแนวเกมหนีตายอย่าง ‘Alice in Borderland’ หรือกระทั่งมีฉากแข่งรถแบบไร้กติกาที่ทำให้อดนึกถึง ‘Death Race’ หนังแข่งรถดิสโทเปียของโรเจอร์ คอร์แมน (Roger Corman) โน่นเลย

แต่ถึงจะมีภาพเดจาวูของหนังไซไฟโผล่มาเป็นระยะ แกนกลางของบทหนังก็ยังว่าด้วยเรื่องชนชั้นและความไม่เท่าเทียมที่ดูเหมือนเกาหลีเองจะยิ่งโหมประเด็นนี้หนักข้อเข้าไปอีก

หลังความสำเร็จของ ‘Parasite’ ซึ่งการนำมาใช้กับแบล็คไนท์เองก็ดูจะไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะหนังฮอลลีวูดเองก็เล่นประเด็นนี้อยู่แล้วเพียงแต่ปัญหาสำคัญของมันคือการที่เรื่องที่มันจะเล่าถูกเฉไฉออกทะเลไปไกลตั้งแต่ต้นเท่านั้นเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

ฉากและตอนที่ประทับใจ เป็นฉากการเปิดตัวแรกของพระเอกคนส่งของนาม 5-8 ในตำนานที่ระหว่างการส่งของนั้นถูกปล้นสินค้าแต่เขาก็รับมือได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะที่แข็งแกร่งรับมือคนร้ายได้อยู่หมัดถ่ายทำคิวบุ๊คออกมาได้สวยทั้งการยิงและแตกต่อยหมัดเดียวจอ

ซีรีส์ไซไฟแอ็กชั่นเรื่องนี้ พาเราเดินทางไปยังโลกอนาคตที่ไม่ไกลเกินคาดคิด เพราะด้วยสถานการณ์โลกร้อน รวมถึงมลพิษในอากาศที่รุนแรงขึ้นทุกวัน แบล็คไนท์ สนุกไหม

ก็อาจเป็นไปได้ที่ชีวิตเราจะต้องสวมหน้ากากออกซิเจนกันจริงๆ และเช่นเดียวกัน การได้เข้าถึงทรัพยากรก็ยังคงเป็นคนกลุ่มเดียว ส่วนประชาชนที่เหลือก็เป็นเพียงฝุ่นผง

เป็นเพียงฐานเสียงเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเดียวนั้นในการมีสิทธิ์ยึดครองอำนาจต่อไป

ช่วงท้ายของซีรีส์เราจะได้เห็นชัดถึงประเด็นสังคมข้อนี้ และอาจนึกสะท้อนใจกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน ที่เรา/ประชาชน ต่างตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ

และเราเองก็ยังไม่มีแบล็คไนท์หรือกลุ่มคนที่พร้อมลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกคืนความยุติธรรมอย่างเป็นทางการ

ให้คะแนนเรื่องนี้ 8.5/10 คะแนนเป็นซีรีส์แนวไซไฟโลกอนาคตที่ส่วนตัวเราดูแล้วหดหู่ใจมากลุ้นสู้ไปกับพระเอกสุดๆใครชอบดูแนวนี้แนะนำเลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *