รีวิวซีรี่ย์ reply 1988
หนังออนไลน์ล่าสุด รีวิวซีรี่ย์ reply 1988 ซังมุนดง ซอย 20-2 กรุงโซล ปี 1988 คือสถานที่ที่เรื่องราวความประทับใจนี้เกิดขึ้น รีวิวซีรี่ย์เกาหลี เพื่อนซี้ห้าคนที่โตมาด้วยกัน แทบจะกินนอนด้วยกันประกอบด้วย ซองด็อกซอน (ฮเยริ)ซองซอนอู (โกคยองพโย)ชเวแท็ก (พัคโบกอม)คิมจองฮวาน (รยูจุนยอล) และ รยูดงรยง (อีดงฮวี) ที่ทั้งหมดอายุเท่ากัน เรียนอยู่ในระดับมัธยมปลายเหมือนกัน มีเพียง แท็ก หนังใหม่ ที่เป็นนักเล่นโกะ (หมากล้อม) หนังฟรี มืออาชีพระดับเซียนหกดั้งเท่านั้น ทุกคนโตมาด้วยกันบ้านเรือนเคียงกัน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอมาในทุกเรื่อง ด็อกซอน เป็นลูกสาวครอบครัวชนชั้นกลางที่กำลงย่ำแย่ ดูหนังออนไลน์ เธอเป็นลูกคนกลางที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซอนอู คือครอบครัวชนชั้นล่าง ที่สูญเสียพ่อและอยู่ด้วยเงินบำนาญอย่างกระเบียดกระเสียน แต่มีความสุขกับน้องสาวอีกคน แท็ก คือคนที่อยู่กับพ่อเพียงสองคนที่ แม้จะมีเงินมากมายแต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะ จองฮวาน คือลูกคนเล็กของครอบครัวที่รวยที่สุดในซอยแต่ก็เปี่ยมล้นด้วยน้ำใจ ดงรยง คือลูกครูใหญ่ที่ทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ขัดใจผู้เป็นพ่อทุกทางและมีแม่ที่ทำแต่งานจนละเลยครอบครัว ดูหนังฟรี
VIDEO
รีวิวซีรี่ย์ reply 1988
ถ้าการดูซีรี่ส์เพื่อความบันเทิง แล้วมันตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้ นั่นก็คือความคุ้มค่า เนื่องเพราะในการดูซีรีส์แต่ละเรื่อง ต้องใช้เวลาและการติดตามพอควร พวกเราเหล่าผู้ชมจึงสามารถเลือกได้ว่า จะติดตามงานชิ้นนั้นๆไปขนาดไหน
เพราะด้วยจำนวนตอนที่มากของซีรีส์ ที่ถ้าไม่น่าติดตามหรือไม่บันเทิงใจ ผู้ชมพร้อมเททิ้งไปอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของคำตอบที่ว่า ทำไมผู้เขียนจึงไม่มีซีรีส์ที่ไม่ชอบหรือเกลียดเลยในงานเขียน แต่อย่างไรก็ตามการดูซีรี่ส์เพื่อความบันเทิงอย่างที่ว่านั้น จะมีซีรีส์สักกี่เรื่องที่ดูแล้วประทับใจ จนกระทั่งทำให้การเขียนบทความบรรยาย ถึงความงดงามของเรื่องเหล่านั้น เป็นความยากที่จะเสกสรรมันเป็นตัวอักษรได้ ความยากที่ว่าคือความยากที่จะสาธยายความงดงามของเรื่องราว หรือบทเรียนชีวิตในมุมมองต่างๆ ที่เรื่องนั้นๆมอบให้กับผู้ชมออกมาได้ดั่งใจและครบถ้วน
ทำให้ การกลั่นกรองจากความประทับใจให้ออกมาเป็นตัวอักษรนั้นมันจะพิเศษ เพราะมันคือความประทับใจมิใช่แค่ความสนุก ซึ่งในความประทับใจในแนวทางของความสวยงามของเรื่องราว ผู้เขียนเองมี When The Camellia Blooms
ที่เป็นหนึ่งของด้านมิติทางอารมณ์ ที่มีครบทุกประการกระทั่งความหมองหม่นและสืบสวน มี My Mister ที่เสนอความรันทดได้อย่างงดงามและมีแสงสว่าง มี Prison Playbook ที่มีความเป็นผู้เป็นคนในการมองโลก ด้วยความหวังหลังชีวิตเจอมรสุม สุดท้ายผู้เขียนได้ก็มาเจอกับความงดงามใสๆจนได้ ที่ว่าใสหาใช่ความว่างเปล่าไม่ แต่มันคือความใสสะอาดในความงดงามของมิติเชิงอารมณ์ ที่มองเห็นได้ถึงก้นบ่อว่านี่คือความสะอาด แม้เรื่องราวจะเสนอในความหลากหลาย หากแต่อิ่มใจได้ในทุกประเด็น มอบทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและขอบตาร้อนชื้นด้วยความตื้นตันในทุกตอน กับอีกหนึ่งงานซีรี่ส์เกาหลีที่ผู้เขียนรัก ต้องมอบคำว่ายอดเยี่ยมให้อย่างเต็มใจ Reply 198
ทั้งหมดคือการเล่าเรื่องราวของการใช้ชีวิตวัยรุ่นของเหล่าลูกๆของทุกครอบครัว ที่แม้จะต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ และเรื่องราวเดินทางไปผ่านการก้าวข้ามพ้นวัยของพวกเขาที่สนุกสาน เฮฮาตามประสาวัยรุ่น แต่ทั้งเรื่องราวที่ดูคล้ายกับไม่มีอะไร แต่กลับมีอะไรมากมายในทุกๆตอนด้วยมิติทางเรื่องราวที่หลากหลายให้เล่า ให้มุมมองการใช้ชีวิตในบริบทของสังคมเกาหลี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญๆไปเรื่อยๆ ด้วยความใสสะอาดดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เล่าเรื่องตามวัยของพวกเขาไปเรื่อยๆนั้น แม้ไม่มีอะไรบีบคั้นแต่มันกลับน่าติดตามในทุกเรื่องราว ประเด็นย่อยๆระหว่างทางที่แสนธรรมดา และอาจเกิดขึ้นกับครอบครัวไหนก็ได้ แต่ทว่า มันลึกซึ้ง
ดูเหมือนธรรมดาไม่มีอะไร เล่าไปเรื่อยๆ แต่ค่อยๆเกาะกุมหัวใจ
ว่ากันตามตรงคือเส้นเรื่องไม่มีอะไรเลย เหมือนขีดเส้นตรงตามไม้บรรทัดไปตรงๆ คือการเล่าเรื่องของผองเพื่อนวัยเยาว์ ที่โตมาด้วยกันก้าวผ่านพ้นวัยมาด้วยกัน และจบลงที่ทุกคนแยกย้ายกันตามเส้นทางของตน ด้วยการนำเสนอที่เรียกได้ว่าใสสะอาดที่สุด ไม่มีเรื่องเชิงลบหรือหนักหน่วงทำร้านจิตใจในแกนเรื่องเลย แต่บทก็เยี่ยมมากที่จะทำเรื่องที่ใสๆ ตรงๆ ไม่มีตัวร้ายไม่มีนางอิจฉาเรื่องนี้ ให้มีมิติเชิงลึกได้ในทุกตอน การใส่ประเด็นรายทางมาให้ผู้ชมได้สัมผัสในแต่ละตอน มันจับต้องและสัมผัสได้และเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมตรงกลางใจทุกประเด็นชนิดตัดขั้วหัวใจ ซึ่งถ้าบทไม่แข็งแรง มันจะกลายเป็นเรื่องราวที่แสนธรรมดาจนราบเรียบไร้สีสันไป จึงต้องชื่นชมความยอดยอดเยี่ยมของงานด้านบท
ความยอดเยี่ยมมันอยู่ที่ว่า เรื่องนี้เอาตรงๆคือเรื่องที่ตัวละครเยอะ การใส่ความมิติเชิงลึกให้ตัวละครทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำได้ ทำได้ดีด้วย และการเล่าเรื่องตลอดยี่สิบตอน คือการเล่าถึงการผ่านพ้นแต่ละเรื่องราวมาได้
ด้วยความรักและความเข้าใจ ความรักของแม่หรือพ่อที่มีต่อลูก ความรักของลูกๆที่มีต่อบุพการี ความรักท่ามกลางความขัดแย้งของพี่น้องในอารมณ์ทั้งรักทั้งชัง ความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ มุมของของการใช้ชีวิตของคู่ชีวิตใกล้วัยทอง ที่ผ่านพ้นเรื่องราวทั้งดีทั้งร้ายมาด้วยกัน ความรักของคนหนุ่มสาวที่เป็นความโรแมนติก ความหวังในตัวลูกๆของพ่อแม่กับความต้องการที่แท้จริงของลูก สุดท้ายสิ่งที่จะหลอมรวมเรื่องเหล่านี้ให้เป็นความงดงามได้คือความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น และแม้จะเล่าถึงประเด็นมากมายแต่บทกลับทำได้อย่างเข้าถึงง่ายและได้ใจ งดงามได้อย่างน่าทึ่ง เพราะค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกร่วมจากหัวใจผู้ชมไปทีละน้อย จนเกาะกุมได้ทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
แต่ หากจะว่ากันที่เรื่องของอารมณ์ เรื่องนี้เมื่อมองเข้าไปอย่างพินิจ จะแยกออกเป็นสองอารมณ์ หนึ่งคืออารมณ์ทางมิติทางมิตรภาพ น้ำใสใจจริงที่อุ่นระอุ ความรักความเข้าในในครอบครัว การไล่ตามความฝันของแต่ละคน ที่บางคนก็มีความฝันของตัวเอง และบางคนก็แบกความฝันของคนอื่นไว้ เช่น จองฮวาน ที่แบกความฝันของพี่ชาย หรือ ซอนอู ที่ยอมเรียนแพทย์ตามความหวังของแม่ การเรียนรู้และเข้าใจตัวเองของ ด็อกซอน ที่สุดท้ายแม้จะน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นลูกคนกลาง แต่นั่นหาใช่เพราะพ่อแม่ไม่รักเธอ แม้กระทั่งเรื่องราวของการเสียสละในเรื่องความรักของเพื่อน ที่รักคนคนเดียวกันและยอมที่จะไม่ครอบครอง เข้าใจในสิ่งที่เป็นและยอมรับว่าแท้จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือความผิดพลาด
จนกระทั่งเรื่องราวเข้าสู่ความโรแมนติกตอนท้าย ยังเข้าถึงอารมณ์สายฟินได้อีกด้วยเรื่องราวของรักสามเส้า การเสียสละ การรอคอย ความหวังและการก้าวข้ามผ่านกำแพงประเพณี ที่เป็นการปะทะกันระหว่างความคิดเก่ากับความคิดใหม่ เห็นได้อย่างแจ่มชัดแม้จะมีให้เห็นเรื่อยมาตลอด แต่มันมาชัดมากในตอนท้าย ทั้งนี้ที่ผู้เขียนชอบมากลับเป็นประเด็นความรักความเข้าใจ ของครอบครัวที่มีต่อลูกเรื่องของการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อถึงที่สุดการเรียนมหาวิทยาลัยอาจไม่ใช่ทุกคำตอบของชีวิต ทั้งนี้รวมไปถึงการที่ลูกเข้าใจความหวังของพ่อแม่ และยอมเปลี่ยนตัวเอง เพื่อสานฝันให้พ่อกับแม่ได้มีความสุข กับเรื่องราวของการสลายช่องว่างระหว่างวัย ที่เริ่มห่างไปตามวัยของลูกๆที่ผู้เขียนเองอาจจะเข้าถึงง่ายกว่า เพราะทุกวันนี้ลูกๆของผู้เขียนก็เริ่มโตหมดแล้ว
ถวิลหาอดีต กับไออุ่นและกลิ่นหอม ของควันฟืนเตาไฟจากบ้านหลังเก่า และผองเพื่อนในวันวานจากห้วงคำนึง
อีกหนึ่งที่ความรู้สึกในหัวใจผู้เขียนสัมผัสได้ และเข้าถึงได้ง่ายกว่า คืออารมณ์ถวิลหาอดีต แม้มันจะไม่ชัดเจนตรงใจในความเป็นไทย อย่างการดูหนังเรื่อง แฟนฉัน ซึ่ง อาจจะมีความต่างเรื่องของพฤติกรรม บริบททางสังคมมากมาย
แต่สำหรับคนที่โตมากับเครื่องมือเครื่องใช้ ที่ตัวเรื่องพยายามขับเน้น สำหรับคนรุ่นผู้เขียนคงจะอินกับภาพที่เห็นได้มากว่า สำหรับคนที่โตมาในยุคอนาล็อก ยุคของอัสนี-วสันต์ เรนโบว์ คีรีบูน แกรนด์เอ๊กซ์ หรือลูกทุ่งปนสตริงค่ายนิธิทัศน์ อาจจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของดนตรี และซาวด์แห่งยุคสมัย เมื่อได้เห็นวิทยุเทป หรือกระทั่งวอล์คแมนที่มารดาผู้เขียนเรียกมันว่าซาวเบ๊า (ซาวด์ อะเบ๊าท์) ที่เป็นของที่ไฝ่ฝัน แต่ไม่เคยได้มาครอบครองมาจนวันนี้ที่เป็นหูฟังไร้สายในรุ่นลูก ของบางอย่างที่ไกลเกินฝันของเด็กชนบทอย่างตัวผู้เขียนเอง การได้เห็นการใช้เท้ากดปุ่มทีวี หรือทีวีแบบหมุน โอลิมปิค 1988 ที่เพิ่งได้ยินเพลง Hand In Hand เวอร์ชั่นเกาหลีในเรื่องนี้ การประท้วงของนักศึกษาเกาหลีไต้ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
หรือกระทั่ง Pop Culture ในยุคนั้น จากการเอ่ยถึง ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เจิดจรัสในฟุตบอลโลก 1986 การเอ่ยถึงหนังคลาสสิคที่เป็น Signature ของยุคสมัยอย่าง โหด เลว ดี 2,Predator,Top Gun,Dirty Dancing หรือ La Bamba
ที่คนรุ่นผู้เขียนล้วนได้ผ่านตามาและแยู่ในความทรงจำการได้เห็นอิทธิพลของหนังฮ่องกง ที่แผ่ขยายไปทั่วเอเชียจนมีการเอ่ยถึงดาราทองอย่าง โจวเหวินฟะ แม็กกี้ จาง (จางม่านอวี้) หรือ โจอี้ หวัง (หวังจู่เสียน) การฟังรายการวิทยุตอนกลางคืน
เขียนจดหมายบรรยายความรู้สึกไปหาพี่ดีเจ ความดีใจที่จดหมายของเราได้ถูกหยิบมาอ่าน โดยดีเจที่ชื่นชอบ สิ่งเหล่านี้มันคืออารมณ์ถวิลหาอดีต สำหรับคนรุ่นผู้เขียนที่วัยไล่เลี่ยกันกับตัวละคร และเหมือนกับก้าวพ้นวัยมากับสิ่งเหล่านั้น ที่บางสิ่งบางอย่างอาจไกลเกินฝันสำหรับบางคน ซึ่งมองได้ว่าในเรื่องราวเหล่านี้ขนาดผู้เขียนเอง ที่ไม่ใช่คนเกาหลีเรายังรู้สึกดีที่ได้เห็นและสัมผัสได้ คงไม่ต้องไปถามหาคนเกาหลีที่เกิดทันและโตมากับมัน จะเข้าถึงใจได้ขนาดไหน เพราะได้ยินมาว่านี่คือซีรีส์ที่เป็นปรากฏการณ์ในบ้านเกิดอย่างหนัก และมันคงไม่ต่างจากเมื่อครั้งหนังแฟนฉัน ออกฉายในบ้านเราด้วยอารมณ์แบบเดียวกันกระมัง
รีวิวซีรี่ย์ reply 1988
แล้วถ้าอารมณ์ถวิลหาอดีต ทำให้ผู้ชมที่เกิดทันและปัจจุบันเข้าใกล้วัยทองอย่างผู้เขียนได้อิ่มเอม สิ่งที่เติมเต็มความรู้สึกร่วม สำหรับคนที่เกิดมาไม่ทันได้เห็นอุปกรณ์รุ่นพระเจ้าเหาเหล่านั้น ก็คือมิติเชิงอารมณ์ที่ได้เอ่ยถึงไป แต่
ด้วยความที่มันเป็นเรื่องของการก้าวพ้นวัย และเสนอในโทนใสๆ อนุชนคนรุ่นหลังที่ไม่นิยมความน้ำเน่า ก็จะอินไปได้กับความเป็นจริงในชีวิตที่เรื่องพยายามนำเสนอ อย่างคนสูงวัยจะมองในมุมที่เป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจการที่ลูกๆกำลังจะพ้นวันเวลาของวัยรุ่น ที่จะมีปัจจัยต่างๆมากมาย หากแต่เราไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ เพราะวัยนี้คือวัยที่เริ่มมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง และ เราก็ไม่สามารถห้ามลูกๆไม่ให้โตได้ เช่นกันกับคนที่เกิดไม่ทันยุคสมัย ก็จะเข้าใจว่าเหตุใดพ่อแม่จึงห่วงใยในตัวลูก ซึ่งตัวลูกเองอาจคิดว่าตัวเองโตแล้วและคิดเองได้แล้ว หากแต่ในจิตใจของพ่อแม่แล้ว ลูกๆยังเป็นเจ้าชายตัวน้อยเจ้าหญิงตัวเล็กที่พ่อแม่รักและหวงแหนอยู่เสมอ
ในขณะที่พ่อแม่มีความคาดหวังในตัวลูก นั่นเพราะความหวังดี แต่ทว่า นั่นมันอาจเป็นการปิดกั้นความคิด และอิสระทางด้านความคิดของลูกหรือไม่ ขณะเดียวกันเมื่อลูกมีความฝัน มันก็ยากที่จะเอ่ยออกมาเพราช่องว่างระหว่างวัย
และปัจจัยพื้นฐานการเลี้ยงดูจากยุคสมัยที่แตกต่าง จนกลายเป็นกรอบทางความคิดที่ต่างกัน คนรุ่นผู้เขียนอาจมองเห็นถึงความรักและมิตรภาพของรุ่นผู้ใหญ่ ที่บางทีการจะตัดสินใจทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกของลูก
แต่คนรุ่นลูกก็ต้องปล่อยผ่านไปแม้ในใจจะขัดขืน เพราะมันคือความสุขของคนที่ทำเพื่อพวกเขาเสมอมาทั้งชีวิตด้วยความยากลำบาก และแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่จะรู้สึกสัมผัสได้ ไปกับเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่โรแมนติก ที่มาอย่างพอเหมาะ และคนรุ่นผู้ใหญ่ก็สัมผัสได้ เพราะเรื่องความรักมันเป็นแบบนี้อยู่ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นปีไหนหรือยุคใด เพราะความรักมันมีความเป็นสากลและอมตะความรู้สึกกลัวที่จะเผยใจเพราะกริ่งเกรงความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป มันเป็นแบบนี้ทุกชนชาติทุกสังคม
ซึ่งซีรี่ส์เรื่องนี้ เล่าเรื่องเหล่านี้ได้อย่างละมุนละไม อบอุ่น ตื้นตันใจ หัวเราะได้พร้อมน้ำตาหลั่งไหลทั้งแบบซึมๆและอาบแก้ม ซึ่งมันไม่ได้มาเพราะความบีบคั้น แต่มันเป็นเพราะความตื้นตันในหัวใจ ในทุกเรื่องราวรายทางตั้งแต่ต้นจนจบอย่างสมบูรณ์แบบ และไร้ที่ติในความใสสะอาดนั้น
ความสุขบนความเรียบง่ายคือความจริงแท้
ด้วยบทและการเล่าเรื่องที่สมบูรณ์ อาจไม่พอให้อยู่ในจุดที่ไร้ที่ติหาก ไม่ได้การแสดงที่เป๊ะทุกตัวละคร เอาจริงคือด้วยเรื่องที่มีตัวละครมากมายขนาดนี้ การจะเกลี่ยบทให้แต่ละคนให้เด่นได้ มันต้องลงตัวและถูกจังหวะ
แต่เรื่องนี้กลับทำได้อย่างเรียบเนียนจนน่าทึ่ง ตัวละครทุกตัวไม่นับรุ่นเด็กห้าคน ไม่มีคนไหนที่ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง กลับกันกลับทำให้ผู้ชมเชื่ออย่างหมดใจ ในสิ่งที่พวกเขาสื่อสาร ในสิ่งที่บทต้องการสื่อออกมาได้ และทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่ก็ดูง่ายๆสบายๆ แต่เหมือนกับความง่ายๆ สบายๆนั้น คือคนจริงๆ ไม่ใช่ตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมา ส่วนรุ่นลูกนั้น คงต้องยกนิ้วให้การทำให้คนสวยไม่สวย ด้วยการเมคอัพและการแสดงที่รั่วเรื้อนอย่างไร้ที่ติ ของ ซองด็อกซอน ที่ฮเยริ เล่นแบบไม่ห่วงสวย เรื้อนเต็มที่ได้อย่างทั้งน่าขันและน่ารัก แม้จะไม่ใช่บทดราม่าที่ต้องมีซีนอารมณ์บีบคั้นมากมาย แต่นี่คือการแสดงระดับสวมวิญญาณอีกบทหนึ่งที่ต้องเชิดชู
อีกคนที่ไม่รู้คนอื่นว่ายังไงแต่ผู้เขียนมองว่า ตัวละครเขามีมิติกว่าคนอื่น คือบท ชเวแท็ก ของ พัคโบกอม ที่ดูเหมือนนิ่งๆไม่ทำอะไรมาก แต่ลองดูในสายตาที่เวิ้งว้างว่างเปล่า แล้วน้ำตาไหลออกมา หรือรอยยิ้มที่เศร้าๆของเขา
หรือสายตาที่เขามอง ด็อกซอน ที่เต็มไปด้วยความในใจ ในความธรรมดาที่มองเห็น มันคือความไม่ธรรมดา มันมีความเป็นแท็ก ที่เป็นเด็กกำพร้า คิดได้แต่ไม่กล้าพูด ซึ่งถ้าแสดงไม่ลึกพอ บทนี้จะกลายเป็นท่อนไม้ที่แข็งทื่อทันที ซึ่ง พัคโบกอม ทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่าเขาคือ แท็ก ส่วนคนอื่นๆก็รับผิดชอบหน้าที่ได้ชนิดสวมวิญญาณของตัวละครเช่น กันเพียงแต่มิติของตัวละครมันไม่จัดจ้านมากเท่าสองคนนั้น
ด้วยบทที่เยี่ยมพอที่จะเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นมากมาย ตัวละครมากมายให้เขาถึงส่วนลึกในใจผู้ชมอย่างได้ผล ประกอบกับการแสดงที่เรียกว่า ดีที่สุดในทุกๆคนทุกมิติทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นใครในเรื่อง ฉากที่แม้จะไม่เห็นภาพมุมกว้างมากนัก แต่ผู้ชมเชื่อว่ามันคือยุคนั้นจริงๆ ความละเอียดของฉาก เสื้อผ้าหน้าผมแฟชั่นยุคนั้น บทสนทนาที่คมคายแต่ไม่ดูจงใจ บทเรียนชีวิตที่มีให้ได้สัมผัสในทุกตอนในหลากหลายแง่มุม เพลงประกอบที่มีความไพเราะ กับซาวด์ดนตรีแห่งยุคสมัย ที่ส่งเสริมในฉากในซีนที่ต้องการสื่ออารมณ์ได้อย่างลงตัวพอดี และต้องไม่ลืมเสียงแพะที่มาทีไรต้องมีรอยยิ้มเมื่อนั้น จึงไม่แปลกที่ใครๆที่ได้ชม จะยกให้เป็นอันดับต้นๆในใจแทบทุกคน
และสำหรับเรื่องนี้ ที่ผู้เขียนมองเห็นคือความธรรมดา และความเป็นธรรมชาติของการใช้ชีวิต ที่ไม่ว่าสังคมไหนหรือชนชาติใด ความสุขความบนเรียบง่ายคือแก่นแท้ เช่นเดียวกับซีรี่ส์เรื่องนี้ที่เส้นเรื่องหลักอาจธรรมดา
แต่ระหว่างทางการเล่าเรื่องกลับมีสีสันมากมาย ดีบ้างร้ายบ้าง หากแต่ทุกอย่างที่เข้ามาในทางร้าย มักจะมลายหายไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ เช่นเดียวกันกับหนึ่งชีวิตของคน ความจริงมันแสนธรรมดา แต่ปัจจัยที่เข้ามาต่างหากที่จะเป็นสีสัน กับทุกครอบครัวในเรื่องนี้คือการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ธรรมดา ไม่ว่าจะมีหรือจน ล้วนแล้วแต่ต้องเจอปัญหาทั้งหนักทั้งเบาต่างมิติกันไป แต่การได้อยู่กับครอบครัวที่พร้อมหน้า ได้กินข้าว ได้พูดคุยสนทนา ได้ทะเลาะกันบ้าง ความแนบแน่น ที่เป็นเรื่องธรรมดาที่แสนเรียบง่ายแบบนี้ จะเยียวยาปัญหาหัวใจเหล่านั้น
เหมือนกับตัวเรื่อง ที่พยายามเสนอภาพการกินข้าวร่วมกันของแต่ละครอบครัวอย่างเด่นชัด รวมถึงเรื่องราวของมิตรภาพ น้ำใสใจจริงที่เคยมีในอดีต อย่างการแบ่งปันอาหารในบางมื้อ ที่ใส่จานใส่ชามหยิบยื่นกันข้ามรั้วบ้าน
จนสำรับเต็มไปด้วยอาหารที่หลากหลาย การห่อข้าวมาล้อมวงกินกันในห้องเรียนของเพื่อนๆ ที่ผูเขียนไม่เห็นมันแล้วในปัจจุบันที่ทางวัตถุพัฒนามากขึ้น แต่มันก็สร้างความห่างเหินในหัวใจคนเช่นกัน และสำหรับมิตรภาพแล้ว ถึงที่สุดทุกคนก็ต้องมีทางของฉันฝันของตัวเอ งและมีวันที่ต้องแยกย้าย แต่วันคืนที่แสนหวานในอดีต การรำลึกถึงวันวานที่เราได้สนุก โศกเศร้า หรือได้รักใครสักคน มันก็คือความทางจำที่งดงามอยู่ในใจไม่มีวันลบเลือน ไม่เชื่อลองนึกถึงรักครั้งแรกของท่านดู แล้วภาพต่างๆตอนนั้น จะค่อยๆกระจ่าง และท่านจะเผลอยิ้มทุกครั้งเมื่อคิดถึงมัน