รีวิวซีรี่ย์ Goblin

หนังออนไลน์ล่าสุด รีวิวซีรี่ย์ Goblin “ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ (Guardian: The Lonely and Great God)” เป็นละครแฟนตาซีที่นำเสนอเรื่องราวของ รีวิวซีรี่ย์เกาหลี “คิมชิน” ซึ่งเป็น “ทกแกบี” (หรือ “ก็อบลิน”) ในตำนาน หนังใหม่ และผู้พิทักษ์วิญญาณ ที่มีเหตุให้ต้องมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกับ “ยมทูต” ผู้สูญเสียความทรงจำในอดีตชาติ… ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาคิมชินเฝ้ารอการปรากฏตัวของหญิงสาวที่ชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นเจ้าสาวของก็อบลิน เพราะเธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณของเขาให้เป็นอิสระและหลุดพ้นจากการมีชีวิตที่เป็นอมตะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าสาวของก็อบลินเป็นคนเดียวที่จะมอบ ‘ความตาย’ ให้เขาได้ในที่สุด เขาก็ได้พบกับ ” จี อึนทัก” ซึ่งเป็นเด็กม.ปลายวัย 19 ปีที่มีชีวิตสุดแสนรันทด หนังฟรี ถึงกระนั้นเธอก็เป็นคนสดใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี ทั้งยังมองเห็นภูติผีวิญญาณ และนั่นก็ทำให้เธอรู้ว่าตนเองเป็นเจ้าสาวของก็อบลิน หลังพบเจอกันบ่อยครั้งและได้ใกล้ชิดกัน อึนทักก็ตกหลุมรักคิมชิน ขณะที่คิมชินเองก็เริ่มหวั่นไหวและลังเลที่จะจากโลกนี้ไป ดูหนังฟรี

รีวิวซีรี่ย์ Goblin

ละครเริ่มต้นขึ้นด้วยเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของ  “ทกแกบี” หรือ “ก็อบลิน” โดยเปิดฉากด้วยทุ่งดอกไม้และมีเสียงผู้หญิงกล่าวว่า “หากวิญญาณดวงใดเข้าไปสิงสู่อยู่ในสิ่งที่เคยถูกมนุษย์จับต้อง หรือแปดเปื้อนไปด้วยเลือดมนุษย์ วิญญาณดวงนั้นจะกลายเป็นก็อบลิน…” หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปยังดาบเล่มหนึ่งซึ่งปักอยู่บนพื้นท่ามกลางดงดอกไม้ เมื่อกล้องซูมเข้าไปใกล้ๆ ก็เผยให้เห็นว่าเป็นดาบโบราณที่มีคราบสนิมเขรอะกรัง บริเวณด้ามดาบมีเศษผ้าเปื้อนเลือดพันอยู่และยังมีภาพแกะสลักใบหน้าของก็อบลินปรากฏอยู่ด้วย หญิงคนเดิมเล่าต่อว่า ดาบเล่มนี้เปื้อนเลือดผู้คนนับพันในสนามรบ รวมทั้งเลือดเจ้าของดาบเอง และนั่นก็ทำให้วิญญาณผู้เป็นเจ้าของดาบกลายเป็นก็อบลิน
หลังมีผีเสื้อสีขาวมาบินวนเวียนและเกาะลงบนดาบท่ามกลางฝูงหิ่งห้อยในยามค่ำคืน ละครก็ยิงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาแบบรัวๆ โดยไม่เผยรายละเอียดมากนัก แต่พอเดาได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และมีเลือดนองพื้นซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ ทั้งยังมีกลีบดอกไม้สีชมพูร่วงเกลื่อนพื้นอีกด้วย หญิงคนเดิมเล่าว่า มีเพียงเจ้าสาวของก็อบลินเท่านั้นที่จะดึงดาบออกมาได้ และเมื่อดาบถูกดึงออกมาวิญญาณของเขาจะดับสูญและไปสู่สุขคติ
ที่แท้เสียงดังกล่าวเป็นของหญิงชราที่ขายผัก เครื่องประดับ ฯลฯ บนสะพานลอย เธอเล่าเรื่องก็อบลินให้ลูกค้าขาประจำที่ชื่อ “จี ยอนฮี” ฟัง และเปรยว่านั่นเป็นชะตากรรมที่โหดร้ายของก็อบลิน เธอกล่าวว่าก็อบลินที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นอมตะตนนั้น กำลังท่องไปทั่วทุกหนทุกแห่งในโลกนี้เพื่อตามหา…. หญิงชรายังพูดไม่ทันจบยอนฮีก็ขำกลิ้งและกล่าวว่า “แม้กระทั่งในตอนนี้ก็อบลินก็ยังคงออกตามหาเจ้าสาวและเจ้าสาวคนนั้นก็คือหนู นี่คือสิ่งที่คุณยายจะพูดไม่ใช่เหรอคะ” หลังโดนหัวเราะเยาะหญิงชราจึงโม้ว่าถึงตอนนี้ตนจะอยู่ในวัยชราแต่ก็เคยมีหนุ่มๆ เดินตามก้นเป็นพรวน จากนั้นก็บ่นว่าตนไม่น่าพูดเรื่องเจ้าสาวของก็อบลินต่อหน้าคนเป็นแม่ที่โดนทิ้งเลย เมื่อถูกยอนฮีตำหนิว่าใจร้าย หญิงชราเลยชี้ว่าตนช่วยลดราคาผักโขมและผักกาดให้เธอ คนใจร้ายจึงไม่ใช่ตนแต่เป็นผู้ชายที่ทิ้งเธอไป
ยอนฮีกล่าวว่าเรื่องที่หญิงชราเพิ่งเล่าให้ตนฟังนั้นน่าเศร้า แต่ก็เป็นคำสาปที่แฝงไว้ด้วยความโรแมนติก เพราะก็อบลินต้องออกตามหาเจ้าสาวเพื่อที่ตนเองจะได้ตายสมใจ เธอหยิบแหวนหยกโบราณในกล่องที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งของต่างๆ (และผัก) ขึ้นมาดูอย่างชื่นชมพลางบ่นว่าพระเจ้าช่างใจร้าย หญิงชราจึงบอกว่าพระเจ้ามักใจร้ายเสมอ แถมยังเห็นแก่ตัวและขี้อิจฉา ทั้งยังสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ยอนฮีจึงเปรยว่าฟังดูแล้วเหมือนผู้ชายห่วยแตกบางคน ยอนฮีเก็บแหวนหยกใส่กล่องคืนให้หญิงชราแล้วกล่าวคำอำลาก่อนอวยพรให้ขายดี แต่หญิงชรากลับคว้าข้อมือเธอเอาไว้แล้วเตือนว่า หากเธออยู่ในระหว่างความเป็นความตายให้ตั้งจิตอธิษฐาน ไม่แน่ว่าบางทีพระเจ้าที่มีจิตใจเมตตาอาจได้ยินคำอธิษฐานของเธอ (“พระเจ้า” ในภาษาเกาหลีคือคำว่า “ชิน” ซึ่งเป็นชื่อของพระเอก)
รีวิวซีรี่ย์ Goblin

ณ กรุงปารีส ปี 1968 (พ.ศ. 2511)

ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานเดินมาหยุดยืนที่หน้าอาคารหลังหนึ่งคล้ายกำลังรอใครบางคน เมื่อเด็กชายคนหนึ่งซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่บนใบหน้าว่าเพิ่งถูกทำร้ายมาหมาดๆ หิ้วกระเป๋าเดินออกมา เขาก็ขวางเอาไว้แล้วเตือนว่า ถ้าหนีออกจากบ้านตอนนี้ชีวิตจะย่ำแย่กว่าเดิมและจะไม่ได้พบแม่อีกต่อไป เด็กชายสงสัยว่าเขาเป็นใครและถามว่าเขาเป็นคนเกาหลีหรือ ชายหนุ่มตอบว่าตนเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น เขาเลื่อนกระถางมาวางขวางบันไดแล้วบอกให้เด็กชายพูดกับพ่อบุญธรรมว่าในเมื่อรับเลี้ยงตนแล้วก็ควรทำตัวเป็นพ่อที่ดี จากนั้นก็ไปขอความช่วยเหลือจากแม่และบอกแม่ว่าตนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเด็กชายบอกให้เขาหลีกทาง เขาจึงเตือนว่าการกรีดข้อมือแบบนั้นไม่ทำให้ถึงตายแต่จะทำให้มือใช้การไม่ได้อีก (เขามองเห็นทั้งที่เด็กสวมเสื้อแขนยาวปิดบังข้อมือ)
เด็กชายถึงกับอึ้งที่ชายหนุ่มตรงหน้ารู้เห็นทุกเรื่องเกี่ยวกับตน จากนั้นก็ถามว่าหากตนทำตามคำแนะนำแล้วถูกพ่อตีจนตายเขาจะรับผิดชอบยังไง ชายหนุ่มตอบว่าเพราะอย่างนี้ตนถึงช่วยหักซี่โครงของพ่อบุญธรรม พูดจบพ่อบุญธรรมของเด็กชายก็เดินออกจากบ้านด้วยท่าทางเอาเรื่องและจะตรงเข้าทำร้ายเด็ก แต่เขาสะดุดกระถางต้นไม้ที่วางอยู่บนบันไดทำให้พลัดตกลงมากระแทกพื้นอย่างจังจนซี่โครงหัก ชายหนุ่มยื่นอาหารให้เด็กชายไว้ทานตอนกลางวัน จากนั้นก็บอกให้เด็กพูดกับพ่ออย่างที่ตนบอกแล้วค่อยไปโรงเรียน ซ้ำยังบอกด้วยว่าเด็กชายตอบโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ผิดหนึ่งข้อและเฉลยคำตอบที่ถูกต้องให้ เด็กชายถามด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ชายหนุ่มไม่ตอบและเดินจากไป
รีวิวซีรี่ย์ Goblin
หลังจากนั้นก็มีเสียง (ของพระเอก) บรรยายว่า “เขาเป็น น้ำ ไฟ และสายลม… เป็นทั้งแสงสว่าง และความมืดมิด… และครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมนุษย์” ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน แม่ทัพ “คิมชิน” (ชื่อ “ชิน” จากสกุลคิม) ซึ่งกำลังเหนื่อยล้าหลังกรำศึกอย่างต่อเนื่องมาตลอดสามวันสามคืน ใช้ดาบ (ที่มีภาพแกะสลักรูปก็อบลินและเต็มไปด้วยคราบเลือด) พยุงกายให้ลุกขึ้นท่ามกลางซากศพและห่าธนูในสนามรบ ก่อนเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นกองทัพที่กำลังควบม้าเข้าตรงเข้ามาหาอย่างไม่หวั่นเกรง เขาดึงลูกธนูที่ปักอยู่บนแขนข้างหนึ่งออก แล้วหยิบดาบขึ้นมาเตรียมต่อสู้อีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงบรรยายว่า “ใครๆ ต่างเรียกเขาว่า “เทพเจ้า” เนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นัยน์ตาทอแสงเป็นประกายขณะใช้ดาบฟาดฟันศัตรู… เขาคือเทพเจ้าแห่งสงครามตัวจริง”
ด้วยความที่มีศัตรูอยู่รอบกาย แม่ทัพคิมชินจึงแกว่งไกวดาบอย่างบ้าคลั่ง เขาเข่นฆ่าศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาหาอย่างไร้ความปราณีจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศและฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางทาง สายตาของเขาจับจ้องไปที่แม่ทัพของศัตรูและมุ่งตรงเข้าไปหา แม่ทัพศัตรูเห็นดังนั้นจึงรีบถอยหนี แม่ทัพคิมชินเลยกระโดดขึ้นหลังม้าแล้วตามไปสังหาร หลังจากนั้นสงครามจึงยุติลง ขณะนำทัพเดินทางกลับเมืองหลวงประชาชนสองข้างทางต่างพากันออกมาแซ่ซ้องสรรเสริญแม่ทัพคิมชินในฐานะที่เป็นวีรบุรุษของพวกตน
เมื่อไปถึงหน้าประตูวัง ลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินบอกให้ทหารยามเปิดประตู โดยประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่าแม่ทัพคิมชินผู้ยิ่งใหญ่นำชัยกลับมาแล้ว แต่ทหารยามชั้นผู้น้อยกลับไม่ยอมเปิดประตูให้ ทั้งยังเรียกชื่อแม่ทัพคิมชินตรงๆ อย่างดูหมิ่น จากนั้นก็สั่งให้แม่ทัพคิมชินถอดชุดเกราะก่อนรับราชโองการซึ่งนับเป็นการหยามเกียรติของแม่ทัพ เหล่าทหารของแม่ทัพคิมชินได้ยินดังนั้นต่างอึ้งไปตามๆ กัน หลังถูกลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินโวยใส่ ทหารยามคนดังกล่าวก็เรียกแม่ทัพคิมชินด้วยน้ำเสียงอันดุดันว่า “นักโทษกบฏคิมชิน จงถอดชุดเกราะและ….” ลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินอดรนทนไม่ได้จึงโวยวายอีกครั้งและชักดาบออกมา แม่ทัพคิมชินรีบปรามลูกน้องและยอมถอดเสื้อเกราะออกแต่โดยดี เหล่าทหารของแม่ทัพคิมชินเห็นดังนั้นจึงพร้อมใจกันทำตาม
หลังจากนั้นทหารยามคนเดิมก็บอกให้แม่ทัพคิมชินวางดาบลงและคุกเข่าก่อนรับราชโองการ ลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินได้ยินดังนั้นจึงพูดข่มขู่และตำหนิทหารยามเสียงดังลั่น เหล่าพลธนูบนป้อมกำแพงจึงเข้าประจำที่และเล็งธนูไปที่เหล่าทหารของแม่ทัพคิมชิน ทหารยามยืนกรานว่านักโทษกบฏคิมชินต้องวางอาวุธและคุกเข่าต่อหน้าตนเพื่อรับราชโองการ แม่ทัพคิมชินชักดาบออกจากฝักและสั่งให้ทหารยามหลีกทางโดยบอกว่าตนจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท พูดจบเขาก็ถือดาบเดินตรงไปที่ประตูโดยขู่ว่าถ้าใครกล้าขวางตนจะต้องตายสถานเดียว ทันใดนั้น เหล่าพลธนูก็ระดมยิงธนูใส่ลูกน้องของแม่ทัพคิมชิน เมื่อแม่ทัพคิมชินหันหลังกลับไปมองก็ถึงกับตกตะลึง เขานึกไม่ถึงว่าเหล่าลูกน้องที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่และเพิ่งรอดตายมาจากสนามรบจะต้องมาจบชีวิตลงเพราะคมธนูของทหารองครักษ์ ลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินประณามเหล่าพลธนูด้วยความโกรธแค้น เขาชี้ว่าเหล่าทหารที่ถูกยิงเสียชีวิตล้วนต่อสู้กับศัตรูเพื่อพระราชามาตลอดสามวันสามคืน และพวกเขาก็เพิ่งหลุดพ้นจากขุมนรก
รีวิวซีรี่ย์ Goblin
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนสั่งให้เปิดประตูวัง แม่ทัพคิมชินสั่งให้ลูกน้องคนสนิทรอตนอยู่ทางด้านนอกกับเหล่าทหารที่เหลืออยู่ จากนั้นก็ถือดาบแล้วเดินเข้าไปข้างในตามลำพัง ปรากฏว่า “วังยอ” พระราชาแห่งโครยอ  นำพระมเหสี “คิมซอน” มายืนเป็นตัวประกัน แม่ทัพคิมชินเห็นแล้วถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ขันทีคนสนิท “ปาร์ค จองฮุน” กระซิบทูลพระราชาซึ่งยังทรงพระเยาว์ว่า ราษฎรยกย่องแม่ทัพคิมชินดุจเทพเจ้า ยิ่งเขารบชนะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ใจราษฎรและเรืองอำนาจมากขึ้นเท่านั้น ไม่นานอำนาจของเขาจะทำให้ราชสำนักและบัลลังก์ของพระองค์สั่นคลอน ดังนั้นพระองค์จึงควรลงอาญาเขาด้วยโทษขั้นสูงสุดตามกฏหมายบ้านเมือง
แม่ทัพคิมชินเดินตรงไปข้างหน้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่พระราชาแห่งโครยอ (เหล่าพลธนูบนป้อมกำแพงต่างเล็งธนูไปที่พระมเหสีและแม่ทัพคิมชิน) ทันใดนั้นก็มีเสียงบรรยายว่า “เขามองเห็นดาบในมือศัตรูอย่างชัดแจ้ง แต่กลับมองไม่เห็นความริษยาและความหวาดกลัวที่พระราชาองค์น้อยทรงมีต่อเขา… นั่นคือดาบคมที่สุดที่พุ่งตรงมาหาเขา แต่เขากลับไม่เคยรู้เลย” แม่ทัพคิมชินหยุดยืนตรงหน้าพระมเหสีซึ่งยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เขาถามพระราชาว่าต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือ พระราชาสั่งให้แม่ทัพคิมชินหยุดการกระทำทุกอย่างและจงตายอย่างกบฏเพื่อที่คนของเขาจะได้มีชีวิตรอดปลอดภัย  (พระราชาจับทุกคนในบ้านเขามาเป็นตัวประกันด้วย) ทั้งยังขู่อีกว่าหากเขาเดินเข้ามาหาพระองค์แม้เพียงก้าวเดียว พระองค์จะฆ่าทุกคนในที่นี้ทันที
พระมเหสีบอกให้แม่ทัพคิมชินเดินไปหาพระราชาโดยไม่ต้องเป็นห่วงตน (พระราชาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธ) เมื่อเห็นว่าแม่ทัพคิมชินยังคงลังเล พระมเหสีจึงบอกว่าตนรู้ดีทุกอย่าง หากนี่คือวันสุดท้ายมันก็เป็นชะตาของตนดังนั้นจงอย่าหยุดและเดินหน้าต่อไป แม่ทัพคิมชินหันกลับไปมองพระราชาซึ่งกำลังโกรธจัดก่อนก้าวเท้าเข้าไปหา พระราชาประกาศว่าแม่ทัพคิมชินก่อกบฏและสั่งให้สังหารทุกคนในครอบครัวของเขา เมื่อสิ้นเสียงพระราชาธนูก็ปักเข้าที่กลางอกของพระมเหสี (ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่ทัพคิมชิน) แม้จะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่ทัพคิมชินยังคงเดินหน้าต่อไปและไม่หันหลังกลับไปมอง หลังจากนั้นคนในบ้านและข้าทาสบริวารของเขาก็ทยอยถูกนำตัวมาประหารตรงหน้า แม่ทัพคิมชินเห็นทาสรับใช้ในบ้านของตนทยอยโดนสังหารต่อหน้าต่อตาเลยยอมจำนน ขันทีปาร์ครีบบอกให้ทหารจับนักโทษกบฏคุกเข่า ทหารจึงใช้ดาบฟันเข้าที่กลางหลังของแม่ทัพคิมชินเพื่อบังคับให้เขาทรุดตัวลง

รีวิวซีรี่ย์ Goblin

เมื่อลูกน้องคนสนิทของแม่ทัพคิมชินตามเข้ามาในวังและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ร้องเรียกแม่ทัพคิมชินด้วยความเป็นห่วง ครั้นจะวิ่งเข้าไปหาก็พบพระมเหสีนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เขาจึงได้แต่ตัดพ้อพระราชาว่าไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษหรือ พระราชาจึงเย้ยว่าสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างแม่ทัพคิมชินและพวก ขันทีปาร์คเห็นแม่ทัพคิมชินจ้องหน้าพระราชาอย่างไม่ยำเกรงจึงสั่งให้ทหารตัดหัวแม่ทัพคิมชิน แม่ทัพคิมชินไม่ยอมให้ทหารลงมือสังหารตน เขายื่นดาบให้ลูกน้องคนสนิทแล้วขอให้ช่วยปลิดชีพตนแทน ลูกน้องของเขาร่ำไห้และสัญญาว่าจะตายตาม จากนั้นก็แทงดาบเข้าที่กลางอกของแม่ทัพคิมชินทั้งน้ำตา หลังจากนั้นลูกน้องของแม่ทัพคิมชินก็ถูกทหารองครักษ์สังหาร
แม้จะถูกดาบของตนแทงทะลุอกแต่แม่ทัพคิมชินยังไม่หมดลมหายใจ เขาได้ยินขันทีชั่วห้ามไม่ให้ใครนำร่างของตนไปประกอบพิธี แต่ให้นำไปทิ้งกลางทุ่งเพื่อที่นกและสัตว์ป่าจะได้มารุมทึ้งและจิกกัดเป็นอาหารโดยอ้างว่าเป็นพระบัญชา เมื่อขันทีพูดจบพระราชาก็เดินจากไป แม่ทัพคิมชินหันกลับไปมองพระมเหสีซึ่งยังมีลมหายใจอยู่ พระมเหสีเหลือบมองแม่ทัพคิมชินเป็นครั้งสุดท้ายและสิ้นใจทั้งน้ำตา (พระมเหสีสวมแหวนหยกที่หญิงชรานำมาวางขาย และยอนฮีหยิบขึ้นมาดูตอนต้นเรื่อง)
หลังถูกนำมาทิ้งในทุ่งหญ้า แม่ทัพคิมชินซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งที่มีดาบเสียบคาอกได้แต่นอนแหงนหน้ามองท้องฟ้า และเนื่องจากมีคำสั่งห้ามไม่ให้ใครไปยุ่งกับร่างของแม่ทัพคิมชิน เหล่าข้าทาสบริวารที่จงรักภักดีต่อเขาจึงได้แต่พากันมาร่ำไห้และอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครองแม่ทัพคิมชินอยู่ห่างๆ  หลังจากนั้นก็มีเสียง (ของแม่ทัพคิมชิน) บรรยายว่า อย่าอธิษฐานขอความเมตตาจากใครเลย พระเจ้าไม่เคยรับฟัง ในที่สุดแม่ทัพคิมชินก็ตายด้วยคมดาบที่เคยปกป้องเขาในวันนั้นนั่นเอง

ณ กรุงโซล ปี 1998 (พ.ศ. 2541)

ชายชุดดำคนหนึ่งเดินถือหมวกข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย อยู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งมาชนเขาอย่างจังจนหน้ารถพังยับ แต่เขากลับยังคงยืนนิ่งและไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ  คนขับรถเห็นดังนั้นก็รู้สึกช็อค ชายชุดดำจ้องตาคนขับรถแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “คุณขับรถชนหมูป่า” คนขับรถได้ยินดังนั้นก็เริ่มตาลอยคล้ายโดนมนต์สะกด หลังจากนั้นชายชุดดำก็สวมหมวกแล้วหายตัวไป เมื่อมีคนผ่านมาพบเข้า คนขับรถก็เล่าว่าตนขับรถชนหมูป่า (ทั้งที่อยู่ในย่านกังนัม) ทันใดนั้น ก็มีเสียงผู้หญิงกรีดร้องหลังพบศพหญิงสาวในกระโปรงหลังรถคันที่ประสบอุบัติเหตุ
หญิงสาวคนหนึ่ง (ซึ่งยืนดูเหตุการณ์อยู่) เห็นศพแล้วถึงกับเข่าอ่อนด้วยความตกใจ เพราะศพที่เห็นคือตัวเธอเอง  ทันใดนั้น ชายชุดดำก็ปรากฏกายต่อหน้าเธอ เขาอ่านชื่อ อายุ วันเดือนปีเกิด และเวลาตายของหญิงสาวตามที่ระบุไว้ในการ์ดสีขาว จากนั้นก็พาเธอมาดื่มน้ำชาเพื่อลบความความทรงจำทั้งหมดก่อนที่จะเดินทางไปยังโลกหลังความตาย หญิงสาว (ซึ่งสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย) ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเธอไม่ดื่ม ชายชุดดำกล่าวว่าถ้าไม่ดื่มเธอจะเสียใจในภายหลัง  ดังนั้น เธอควรยุติความเสียใจเอาไว้แค่ในชาตินี้และทิ้งความทุกข์ทั้งหมดไว้ที่นี่
หลังหญิงสาวดื่มน้ำชาแล้ว ชายชุดดำก็ทำความสะอาดถ้วยชาแล้วนำไปวางไว้ในชั้นเก็บถ้วยชาขนาดมหึมาก่อนโยนผ้าลงบนโต๊ะที่มันวับ เขาสวมหมวกคล้ายกำลังจะออกไปข้างนอกแต่พอมองทะลุกำแพงหินอย่างหนาออกมาทางด้านนอกก็พบชายคนหนึ่งถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินผ่านมา เมื่อชายหนุ่มทางด้านนอกหันมาเห็นชายชุดดำจึงหยุดมองด้วยความสนใจ หลังจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง ชายชุดดำก็รู้ว่าเขาคือ “ก็อบลิน” ขณะที่ก็อบลินเองก็รู้ว่าชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าคือ “ยมทูต” ซ้ำยังพูดเหน็บเรื่องที่เขาสวมหมวกอีกด้วย   (ที่ยมทูตสวมหมวกเป็นเพราะสวมแล้วจะล่องหนทำให้มนุษย์มองไม่เห็น)
(นับจากนี้จะเรียกพระเอกว่า “ชิน”) เมื่อชินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในบ้านหลังใหญ่และหรูหรา เขาก็จุดเทียนและเปิดผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ออกด้วยพลังอำนาจวิเศษ ไม่นานก็มีเสียงชายชราร้องเรียก “นายท่าน” เมื่อชินหันไปมองก็พบว่าประธาน “ยู ชินอู” พาหลานชายตัวน้อย “ยู ต็อกฮวา” มาต้อนรับหลังไม่ได้เจอกันนาน 20 ปี ต็อกฮวาเห็นปู่แสดงท่าทีนอบน้อมต่อชายแปลกหน้าทั้งยังชมว่าเขาเท่ห์เหมือนเดิม เลยแย้งทันควันว่าไม่เห็นจะเท่ห์ตรงไหน จากนั้นก็ถามปู่ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร ชินตอบว่าตนเป็นทั้ง อา พี่ชาย ลูกชาย และหลานชายของต็อกฮวา (ต็อกฮวาจะอายุมากขึ้นเรื่อยๆ และแก่ลงในที่สุด ส่วนเขาจะยังคงหนุ่มแน่นเหมือนเดิม) จากนั้นก็คุกเข่าทักทายเด็กน้อย ต็อกฮวาเอามือกอดอกแล้วจ้องหน้าชินอย่างไม่วางใจ ทั้งยังสงสัยหนักว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครกันแน่ ประธานยูเห็นหลานพูดและแสดงกิริยาไม่สุภาพจึงรีบขอโทษชิน จากนั้นก็อธิบายว่าต็อกฮวาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของทายาทตระกูลยูรุ่นที่ 4 เลยถูกตามใจจนเคยตัว (ตระกูลยูในละครลำดับญาติได้ถึง 13 ชั่วอายุคน)
ครั้นพอเห็นหน้าต็อกฮวาชัดๆ ชินก็นึกถึงบรรพบุรุษของเด็กน้อยซึ่งเป็นเด็กชายชาวโครยอที่ต้องมาจบชีวิตลงในต่างแดน พอรู้ว่าบรรพบุรุษคนที่ว่ามีหน้าตาเหมือนตน ต็อกฮวาก็ถามด้วยความตื่นเต้นว่าบรรพบุรุษของตนหล่อไหม ประธานยูได้ยินดังนั้นเลยดุหลานก่อนก้มศีรษะขอโทษชินอีกครั้ง ชินมองหน้าต็อกฮวาพลางยืนยันว่าคนตระกูลยูไม่เคยทำให้ตนผิดหวัง ทันใดนั้น ต็อกฮวาก็โพล่งถามชินด้วยสีหน้าท่าทางเอาเรื่องว่า ทำไมถึงใช้คำพูดแบบเป็นกันเองกับปู่ของตน และนั่นก็ทำให้เด็กน้อยเกือบโดนปู่ตี (ปกติแล้วผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าต้องใช้ภาษาสุภาพกับผู้ใหญ่ แต่ต็อกฮวาไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามีอายุเกือบพันปี)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *