รีวิวซีรี่ย์ our blues

หนังออนไลน์ล่าสุด รีวิวซีรี่ย์ Our Blues เรื่องย่อ ณ หมู่บ้านพูรึงเกาะเชจูที่สวยงามดั่งสวรรค์วิมาน รีวิวซีรี่ย์เกาหลี แต่ความงดงามของสถานที่ก็ยังคงมีสิ่งที่ขับเคลื่อนลมหายใจของเกาะเชจูนั่นคือวิถีชีวิต หนังใหม่ เพราะคนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย  ธรรมดาสามัญเกื้อกูลกันตามวิถีชนบท  แต่ทุกชนบทก็จะมีเรื่องเล่าที่สัมผัสกับเมืองใหญ่เสมอพูรึงก็ไม่ต่างกัน หนังฟรี  เรื่องราวมากมายจึงเกิดขึ้นที่นี่เริ่มที่เรื่องของรักแรกตลอกกาลที่มาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งทั้งทางการเงินและทางใจของชเวฮันซู ดูหนังออนไลน์  (ชาซึงวอน) ที่มาสัมผัสกับจองอึนฮี (อีจองอึน) แม่ค้าปลาผู้ร่ำรวย  เรื่องของคู่อริที่บาดหมางกันปานแค้นกันมาจากชาติปางก่อนของบังโฮซิก (ชเวยองจุน) กับจองอินกวอน (พัคจีฮวาน) ที่มีกุญแจตัวแปรคือรุ่นลูกคือบังยองจู (โรยูนซอ) ที่ตั้งท้องในวัยเรียนกับชายคนรักจองฮยอน (แบฮยุนซอง) ดูหนังฟรี

รีวิวซีรี่ย์ our blues

ในโลกใบนี้มีผู้คนมากมายหลากหลายสถานะทางสังคมอันนำมาซึ่งความหลากหลายแง่มุมชีวิต บ่อยครั้งการดูหนังดูซีรีส์ที่เล่าเรื่องชีวิตในแง่มุมต่างๆก็คือการสะท้อนวิถีของความเป็นมนุษย์ในสังคมให้ออกมาสัมผัสด้วยตา เพราะยังมีเรื่องราวมากมายที่ประสบการณ์ชีวิตยังไม่ได้พบเมื่อได้เห็นได้ประสบก็คือความตื่นเต้นตื่นตา  แต่ทว่าบางครั้งหัวใจคนเราก็ต้องการมากกว่านั้นเพราะทุกครั้งที่เห็นอะไรที่ผ่านตามาแต่เป็นสิ่งที่ไกลตัวมันก็คือความบันเทิงที่จับต้องไม่ได้  เป็นเพียงนิยายประโลมโลกซึ่งประสบการณ์ชีวิตอีกเช่นกันที่จะบอกกับคนดูอย่างเราๆว่ามันคือเรื่องในหน้ากระดาษแห่งนวนิยายที่คนอย่างเราท่านไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ ทางเลือกต่อมาคือการเลือกสัมผัสในสิ่งที่เป็นความจริงที่สามารถเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ด้วยใจด้วยพื้นฐานของคนธรรมดาหาใช่คุณชายคุณหนูเจ้าหญิงหรือเจ้าชาย
แต่การจะเล่าเรื่องคนธรรมดาสามัญกับชีวิตสามัญให้เข้าถึงใจคนธรรมดาๆที่เป็นกลุ่มเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรื่องราวในชีวิตแต่ละวันที่แต่ละคนต้องเจอมีมิติมากกว่าที่สายตาได้เห็นจากการแสดงออก  ยังมีแง่มุมซ่อนเร้นอีกมากมายที่ไม่อาจเห็นด้วยตาและบางครั้งก็ไม่สามารถอ่านใจได้  การจะสื่อสารหรือเล่าเรื่องให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่คนธรรมดามนุษย์สามัญที่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนหมู่มากในสังคม  ให้ได้ใช้ประสบการณ์ชีวิตมาสัมผัสกับเรื่องราวนั้นจึงยากแต่ก็นับเป็นความท้าทาย  เพราะเมื่อใดที่สามารถเล่าได้และคนดูเข้าถึงความเรียบง่ายสามัญในชีวิตที่ต้องพบเจอคนดูก็พร้อมเอาความรู้สึกไปเป็นอารมณ์ร่วมกับเรื่องที่ต้องการจะเล่า  เช่นเดียวกับความแพรวพราวบนความเรียบง่ายของชีวิตที่ถูกถ่ายทอดมาหลากหลายแง่มุม  แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกเรื่องราวที่เล่าคือเรื่องที่สามารถพบเจอได้ในช่วงชีวิตคน Our Blues
รีวิวซีรี่ย์ our blues
รวมถึงการแบกความเจ็บช้ำมาพร้อมกับอาการป่วยของมินซอนอา (ชินมินอา) เพื่อมาพบกับอีดงซอก (อีบยองฮอน) รักแรกที่หยาบกร้านแต่จิตใจดีที่จะพาก้าวข้ามอาการป่วย  หรือเรื่องของจองอึนฮีกับโกมีรัน (อึมจองฮวา) ที่มิตรภาพได้ถูกพิสูจน์จากชีวิตที่ธรรมดาเกินไปจนลืมความรู้ใจ  กระทั่งเรื่องความลับของอียองอ๊ก (ฮันจีมิน) ที่มาพบรักกับหนุ่มท้องถิ่นพัคจองจุน (คิมอูบิน) ที่ต้องก้าวข้ามความลับที่หนักหนาสำหรับคนทั่วไปเพื่อพิสูจน์หัวใจว่าจะก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ธรรมดากับคนจิตใจดีได้อย่างไร  จนถึงเรื่องของฮยอนชุนฮี (โกดูชิม) กับซนอึนกี (กีโซยู) ย่ากับหลานที่ปาฏิหาริย์ได้ทำให้ใครบางคนได้อธิษฐานอีกครั้ง  และสุดท้ายความลับอันดำมืดในความสัมพันธ์ของอีดงซอกกับแม่คังอ๊กดง (คิมฮเยจา) ที่รอการปลดเปลื้อง  เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกร้อยเรียงด้วยพื้นฐานของชีวิตเรียบง่ายและธรรมดาซ้อนทับกันอย่างแน่นหนาจนมองเห็นว่านี่คือชีวิต

“เราไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เพื่อทรมานหรือเป็นทุกข์  แต่เกิดมาเพื่อเป็นสุขเท่านั้น” ชัดเจน เรียบง่าย  งดงาม

ด้วยเจตนาคือการสื่อให้เห็นถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่การจะมีชีวิตที่มีความสุขนั้นจะต้องก้าวผ่านปัจจัยที่ละเอียดปลีกย่อยที่จะมาจัดการความรู้สึกที่จะเป็นตัวกำหนดทุกข์หรือสุข  และเหมือนกับไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ความทุกข์ที่คนทั่วไปมักมองเห็นจะมาจากเรื่องพื้นฐานในการใช้ชีวิต  เรื่องเงินๆทองๆ  เรื่องการกระทบกระทั่งกันระหว่างเพื่อนบ้านมิตรสหาย  หรือกระทั่งเรื่องของความรักที่เป็นเรื่องของมนุษย์ปุถุชนที่เห็นได้ทั่วไป  และบทของโนฮีคยองก็ฉลาดเล่าที่เลือกเล่าเรื่องที่มีจุดศูนย์กลางที่ตลาดสด ที่ที่เป็นศูนย์รวมของคนทั้งหมู่บ้าน  ที่ที่วุ่นวายที่สุด  ที่ที่เป็นจุดเริ่มการกระจายข่าวลือ  เพราะตลาดคือที่ที่ธรรมดาที่สุดที่มนุษย์สามัญต้องเคยไปเยือน  เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดจึงเป็นเรื่องที่เหมือนไม่มีอะไรเพราะมันดูเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นในทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในทุกเรื่องธรรมดาที่คนอื่นได้เห็นมักซ่อนมิติที่ไม่ธรรมดาไว้ช้างในเสมอ
และบทละครเรื่องนี้เล่าได้อย่างจับต้องได้ทั้งทางสายตาทางอารมณ์และทางหัวใจในการเล่าเรื่องที่อาจดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาผ่านชีวิตที่แสนธรรมดา  แต่แม้จะเหมือนกับเล่าหลายเรื่องของคนหลายคนในหลากมุมชีวิต  ทุกคนต้องมีความเกี่ยวพันกับกับตลาดและตัวละครศูนย์กลางคือจองอึนฮี และแม้จะเล่าด้วยความต่างแต่ทุกเรื่องที่บทละครเล่ามาก็มีจุดร่วมคือการพาคนดูไปเห็นความทุกข์ดั่งมรสุมที่ทำให้ฟ้าหม่น  แต่ในทุกเรื่องราวจะมีบทสรุปที่สวยงามลงตัวด้วยการย้อนกลับไปหาเหตุแห่งปัญหาที่มาจากมิติทางใจที่พาไปหาความทุกข์หม่น  แล้วพาหัวใจคนดูไปพบกับการสะสางด้วยการชี้นำคนดูให้หลงทางคิดไปในทางร้าย  แต่ลงท้ายหาทางออกมาทางสวยงามจนได้แบบที่คนดูไม่มีทางคิดได้ใน  และเมื่อปัญหาในชีวิตมีทางออกท้องฟ้าที่หม่นก็จะกลับมาใสคนที่มีอะไรค้างคาใจก็ได้ปลดพันธนาการ  และมีบทสรุปสวยงามชีวิตมีความสุขตามวิถีในทุกเรื่องราว
รีวิวซีรี่ย์ our blues
ที่น่าชื่นชมคือการวางแง่มุมในสังคมไว้อย่างลงตัวทั้งในภาพเล็กคือเรื่องย่อยๆ และยังปูทางไปสู่มิติที่จับหัวใจในตอนท้ายด้วยการเล่าเรื่องที่สัมพันธ์กันที่ถ้าคิดให้ดีในแต่ละแง่มุมนั้นจะปูทางหรือเชื่อมโยงกันได้อย่างเนียนตา  เช่นเรื่องของหนึ่งชีวิตที่เกิดมาเพิ่งเริ่มต้นกับหนึ่งชีวิตที่กำลังจะแตกดับผ่านความตื้นตันของคนชราที่เหลือเวลาไม่กี่วัน  หรือแง่มุมความเป็นแม่ที่สะท้อนผ่านจุดเริ่มต้นที่แม่เจ็บเพราะคลอดลูกและได้ต่อสู้เพื่อลูกมา  มาสู่เมื่อลูกเจ็บแม่เจ็บกว่าเป็นร้อยเท่า  จนสุดท้ายการเริ่มต้นและการจากลากับสามคุณแม่ยองจู,ชุนฮีและอ๊กดง ซึ่งการสอดแทรกเรื่องที่เป็นมิติทางใจที่พาดทับไปยังสังคมชนบทเหล่านี้แม้จะเห็นความหม่นโศกแต่ไม่รู้สึกถูกเร่งเร้าหรือบีบคั้น  แต่ค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกเหมือนคนดูอยู่ในเหตุการณ์ในฐานะเพื่อนบ้านที่สนิทมองเข้าไปในเรื่องที่เกิดขึ้นของเพื่อนบ้านแล้วรู้สึกสะเทือนใจ  จนมาอิ่มเอิบในตอนท้ายที่ได้เห็นทุกอย่างคลี่คลายลงตัวสวยงาม
มันจึงเป็นความชัดเจนในเจตนาที่จะสื่อว่าเราทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อทุกข์แต่เกิดมาเพื่อมีความสุข เมื่อทุกเรื่องย่อยที่สานกันเป็นร่างแหใหญ่ได้มอบภาพที่มองเห็นทั้งรูปธรรมและนามธรรมจัดการอารมณ์คนดูได้เพราะคนดูจะมีความสุขทุกครั้งทั้งที่ได้ผ่านความรันทด  เจ็บปวด  สงสัย  โศกเศร้ามาเพียงใด  ไม่ว่าบทละครจะพาคนดูคิดไปไกลเพียงไหนทางออกก็จะมาพร้อมรอยยิ้มหลังคราบน้ำตาเสมอมันจึงเป็นความชัดเจน และเมื่อเล่าเรื่องของคนธรรมดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาด  เพื่อนบ้านเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นผ่านมิตรภาพน้ำใสใจจริงตามวิถีชนบท  แต่เรื่องที่เล่านั้นเหมือนกับเอาหัวใจตนดูกวัดแกว่งไปมาด้วยความแพรวพราว  เหมือนกับมีลูกเล่นมากมายแต่ไม่ได้ยากจนเกินเอื้อมถึง  ยังเรียบง่ายใสซื่อกับความเกื้อกูลกันในสังคมที่พร้อมช่วยเหลือกัน  ที่อาจมีบ้างที่ไม่เข้าใจกันแต่ทุกอย่างก็ย่อมมีวันผ่านพ้นและปลดปลง  และต่อให้เป็นเรื่องหนักหนาเพียงใดยังสามารถมีความสุขในชีวิตได้และกลายเป็นความงดงาม
รีวิวซีรี่ย์ our blues

แม้จะอุดมไปด้วยนักแสดงยอดฝีมือทุกรุ่นแต่ไม่มีใครเกินหน้าใคร

แจกจ่ายความสำคัญให้ทุกคนมีเวลาทองของตัวเองมีไม่บ่อยนักที่นักแสดงระดับอีบยองฮอน,ชาซึงวอน,ฮันจีมิน,ชินมินอา,คิมอูบินหรืออีจองอึนที่นับเป็นแถวหน้าของวงการในรุ่นกลาง คิมฮเยจาหรือโกดูชิมแถวหน้าของรุ่นใหญ่ที่มาประชันบทบาทกันแบบจะหาซีรีส์เรื่องไหนที่อุดมไปด้วยนักแสดงชั้นแนวหน้ากันมากมายขนาดนี้  ผลที่ออกมาคือการแสดงของทุกคนที่แต่ละคนมีของกันทั้งนั้นได้มอบมิติที่ล้ำลึกตามบทบาทที่ได้รับออกมาอย่างไร้ที่ติ  เพราะแม้จะเล่าเรื่องเป็นเรื่องย่อยๆแบ่งกันเป็นตอนของใครของมันแต่ส่วนมากก็มีเวลาในเรื่องตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้าย  อาจมีบ้างที่เหมือนมารับเชิญอย่างชาซึงวอนหรืออึมจองฮวาแต่ก็รับผิดชอบสิ่งที่ต้องทำให้ได้อย่างยอดเยี่ยม  และแน่นอนเมื่อนักแสดงระดับนี้มาอยู่ในเรื่องเดียวกันกำไรก็ตกอยู่กับคนดูเมื่อได้เห็นการเข้าฉากที่รับส่งกันอย่างสนุกเช่นระหว่างชาซึงวอนกับอีจองอึน หรือชาซึงวอนกับอีบยองฮอน และแน่นอนการประชันกันอย่างเข้มข้นของคิมฮเยจากับอีบยองฮอน
แต่นั่นคือนักแสดงชั้นแนวหน้าที่การันตีความเยี่ยมในระดับหนึ่งได้แล้ว และเมื่อหันมาดูแถวสองอย่างพัคจีฮวานหรือชเวยองจุนในบทอินกวอนกับโฮซิก รวมถึงแบฮยุนซองกับโรยูนซอในบทฮยอนและยองจูที่ถ่ายทอดเรื่องของสองครอบครัวนี้ได้ลึกและหลากหลายจนผู้เขียนคิดว่าไม่มีใครที่สัมผัสไม่ได้เข้าไม่ถึงกับสิ่งที่พวกเขาสื่อ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรยูนซอที่มีเครดิตการแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกแต่แสดงได้โดยไม่น้อยหน้ารุ่นพี่รุ่นน้ามากประสบการณ์จนเป็นที่น่าจดจำ  กระทั่งแถวสามอย่างโชฮเยจอง (ดัลอี) กับนักแสดงที่บกพร่องทางการได้ยินจริงๆอย่างอีโซบยอล (บยอนอี) หรือแบคซึงโด (กีจุน) และที่ไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้กับรุ่นเล็กสุดอย่างน้องกีโซยูรวมถึงนักแสดงที่เป็นดาวน์ซินโดรมที่มาสื่อสารให้คนปกติมองคนพิการหรือคนที่บกพร่องในสายตาที่ปกติมิใช่มองพวกเขาว่าแปลกอย่างจองอึนฮเย (ยองฮี) ที่ขโมยซีนฮันจีมินกับคิมอูบินได้เป็นพักๆ

รีวิวซีรี่ย์ our blues

และนักแสดงเหล่านี้ที่มีมากมายมีเรื่องเล่าของตนเองที่จับใจในส่วนของเรื่องย่อย แต่ทุกมิติทางหัวใจที่สื่อออกมาผ่านบทที่จะว่าไปก็คือสมทบอย่างสองพี่น้องดัลอีกับบยอนอีที่คนหนึ่งพิการทางการได้ยิน  การใส่รายละเอียดเล็กน้อยที่เป็นกลไกสำคัญในตลาดอย่างคนขายกาแฟรถเข็นที่เป็นของมันต้องมีในตลาดเช้าเพราะคือคนที่มอบความกระปรี้กระเปร่ากระชุมกระชวย  ยังรวมถึงเนื้อหาที่เป็นรากฐานในการเปรียบเทียบเช่นเรื่องของกีจุนที่ต่อต้านการที่จองจุนพี่ชายจะคบกับยองอ๊กที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดี  แต่กีจุนกลับชอบบยอนอีที่เป็นผู้พิการทางหู  เรื่องเล็กๆที่เป็นรากฐานแบบนี้ได้กลายเป็นพื้นฐานชองหัวใจในเรื่องใหญ่ในเวลาต่อมาโดยที่มองเห็นว่าละเอียดใส่ใจในการปูพื้นทางมิติที่ทำให้ทุกเรื่องราวและทุกคนมีเวลาทองของตัวเอง  โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายของดงซอกกับแม่ที่ได้ปูไว้ตั้งแต่ต้นจนพาหัวใจคนดูไปไกลเพื่อมามีบทสรุปที่น่าจดจำได้อย่างน่าทึ่ง
แต่ที่ต้องยกย่องคือตัวประกอบเล็กน้อยที่ทำหน้าที่เป็นรองพื้นที่มีความสำคัญกับตัวเรื่อง จนทำให้ทุกเรื่องที่เล่ามาคนดูรู้สึกว่ามันคือเรื่องที่สามารถพบเจอได้ในช่วงชีวิตหนึ่ง  บางคนอาจเคยเจอมาแล้วเพราะผ่านโลกมาพอสมควรบางคนก็ยังไม่เคยเจอเพราะยังเยาว์  แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีเรื่องไหนที่ดูปรุงแต่งเพราะแม้แต่คนที่เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดงซอกยืนกระทืบเท้าขายยังรู้สึกว่านี่คือคนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดจริงๆ  เพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เองที่เป็นองค์ประกอบให้เรื่องใหญ่มีมิติน่าเชื่อถือ  ส่วนจะจับใจมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน  ยิ่งเรื่องนี้ถ่ายทำกันในสถานที่ที่สวยงามแต่เรื่องที่เล่าดันเคล้าน้ำตาทุกเรื่องจึงเหมือนจะสื่อความหมายว่าไม่ใช่ท้องฟ้าที่หม่นแต่เป็นฟ้าในใจคนต่างหากที่หมอง มาพร้อมกับเพลงที่ไม่เอ่ยถึงคงนอนไม่หลับเพราะส่งเสริมอารมณ์จนต้องหามาฟังเพื่อรำลึกถึงภาพที่งดงามที่ได้เคยผ่านตา
ด้วยความที่ได้เขียนบทความย่อยๆไว้กับทุกเรื่องสำคัญแล้ว บทความนี้จึงว่ากันที่ภาพรวมที่สวยงามของเรื่องนี้ส่วนท่านที่ต้องการอ่านมิติที่งดงามของแต่ละเรื่องราวที่ถูกบอกเล่า  ผู้เขียนได้แนบลิงค์มาไว้ให้แล้วสำหรับแง่มุมชีวิตและบทเรียนที่คนดูสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่ละครเรื่องนี้ต้องการบอกกับพวกเรา  ด้วยงานด้านบทที่ใคร่ครวญดูยังไงก็ไม่เห็นอะไรให้ตำหนิ  การคุมโทนเรื่องผ่านการกำกับการแสดงที่ดูเป็นชีวิตจริงที่ธรรมดาสามัญแต่เบื้องหลังนั้นมีมิติที่ไม่ธรรมดา  งานด้านภาพที่สื่อความหมายของสีฟ้าครามของน้ำทะเลและสีฟ้าสดใสของท้องฟ้าที่ตัดกับชีวิตคนที่หม่นข้างในหัวใจจากการดำรงชีวิต  เหมือนกับการใช้ทิวทัศน์มาให้ตัวละครและคนดูคิดว่าไม่ว่าในหัวใจจะหม่นสักเพียงใดโลกยังคงมีความงดงามเสมอ  และกับงานเพลงที่ทำหน้าที่กำหนดอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดีที่ลงตัวที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ดูมา
อาจเพราะเรื่องที่เล่ามันคือเรื่องที่เข้าถึงง่ายกับคนธรรมดาทั่วไป แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือการแสดงที่อยู่ในระดับสุดยอดทุกคนที่แสดงให้เชื่อทั้งหมดใจว่าพวกเขาและเธอคือตัวละครนั้นๆจริง  ทุกองค์ประกอบที่ว่ามารวมถึงแง่มุมทางสังคมและมุมของบทเรียนชีวิตเพื่อการใช้ชีวิตที่หลักแหลมที่ได้แฝงมาให้คนดูคิดตามว่า  ถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้นจะทำอย่างไรเพราะไม่มีทางเลยที่เมื่อดูไปจะไม่คิดตามตั้งแต่เรื่องแรกของฮันซูกับอึนฮี เรื่อยมาจนถึงบทสรุปปิดท้ายเรื่องของดงซอกกับแม่ แต่…ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไปเพราะมนุษย์เกิดมาเพื่อมีความสุข  คราบน้ำตายังไม่ทันหายอารมณ์ก็ถูกปรับให้กลายเป็นรอยยิ้มที่ถ้าจะบอกว่า นี่คือบทสรุปที่ชัดเจนลงตัวและตรงเป้าประสงค์อย่างสวยงามที่สุดเรื่องหนึ่งก็ไม่ละอายแก่ใจตนเอง  เมื่อการดูเรื่องนี้ทุกคืนวันเสาร์อาทิตย์ได้มอบทุกอย่างที่หัวใจผู้เขียนพึงรับได้มาทุกมิติ  จึงต้องยกไว้บนหิ้งในความประทับใจที่ต้องตีตราว่า “อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู”
ตัวเอก คือบุคคลสำคัญอันเป็นจุดศูนย์กลางในการเล่าเรื่อง แน่นอนว่าเขาหรือเธอคนนั้นถูกมอบหมายให้เป็นผู้เล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ปมปัญหาต่าง ๆ ถูกผูกเอาไว้โดยยึดจากเส้นเรื่องของตัวเอกเป็นหลัก แล้วจึงค่อย ๆ เผยให้เห็นเส้นเรื่องของผู้คนรอบข้าง แน่นอนว่านั่นคือหนึ่งในศิลปะการถ่ายทอด แต่โปรเจ็กต์ซีรีส์ครั้งนี้ของนักเขียนโนฮีคยอง ถูกถ่ายทอดออกมาแตกต่างจากรูปแบบที่เรามักจะคุ้นชิน การใช้ตัวละครดำเนินเรื่องแบบพระ – นาง ดูจะไม่ใช่จุดประสงค์ของการเล่าเรื่องในครั้งนี้สักเท่าไหร่ โครงเรื่องจึงถูกจัดวางให้ได้ลองลิ้มชิมรส แบ่งพาร์ทความหวานและขมของรสชาติชีวิตผ่านเส้นเรื่องถึง 8 เรื่องในคราวเดียวกัน ตัวละครหลักที่โคจรไปมาล้วนเป็นตัวเอกในเรื่องราวชีวิตของตนเอง เหตุที่นักเขียนโนฮีคยองวางรูปแบบการเล่าไว้เช่นนี้ เพราะเธอเชื่อว่าเราทุกคนล้วนมีเรื่องราวที่อยากบอกเล่า ในโรงละครชีวิตที่มีเราเป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดง ตัวเอกในเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเราเอง ดังนั้นซีรีส์ Our Blues จึงแต่งแต้มสีสันให้กับทุก ๆ ตัวละคร และพาเราไปสัมผัสพร้อมกับทำความเข้าใจเขาเหล่านั้น จนทำให้ตัวละครมากหน้าหลายตาเข้ามามีพื้นที่ในหัวใจของเหล่าคนดูได้อย่างง่ายดาย
นอกจากเส้นเรื่องที่ช่วยฉายสปอตไลท์ให้ตัวละครทุกท่าน สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือการเปิดพื้นที่ให้นักแสดงคนพิการ ได้มีส่วนร่วมในงานแสดงและมีโอกาสโชว์ศักยภาพอีกด้วย การที่ตัวซีรีส์พาเราไปเข้าใจโลกของคนพิการมากขึ้น บอกเล่าถึงสิ่งที่ผู้คนรอบข้างเผชิญ และทำให้เรียนรู้ในมุมมองที่เปิดกว้างขึ้น ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นการช่วยผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงให้มีพื้นที่สำหรับนักแสดงหลาย ๆ ท่านบนโลกที่เต็มไปด้วยความหลายหลากเช่นนี้
ประเด็นที่ละเอียดอ่อน ถูกนำเสนอในมุมมองที่ลึกซึ้ง
เรามักจะเห็นเรื่องราวของผู้ที่เผชิญกับโรคซึมเศร้าถูกหยิบยกออกมาบอกเล่าอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับการดำเนินเรื่องในซีรีส์เรื่องนี้เช่นกัน ประเด็นเรื่องโรคซึมเศร้ายังคงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ซีรีส์ Our Blues ต้องการถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เรียนรู้ แน่นอนว่าอาการเจ็บป่วยภายในอาจเป็นเรื่องที่เห็นภาพได้ยากและต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และแบบนั้นเองการถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ที่เผชิญกับโรคซึมเศร้าในซีรีส์เรื่องนี้ จึงถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพแทนความรู้สึกของผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ชมได้มองเห็นและเข้าใจสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการสื่อออกมามากขึ้น
เสน่ห์งานเขียนของนักเขียนบทโนฮีคยอง คือการหยิบยกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันออกมาเล่าและตีความในมุมมองที่เข้าใจได้ง่าย การดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ย่อมทำให้เหล่าคนดูสามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ของเหล่าตัวละครได้กลาย ๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้เจอกับเหตุการณ์นั้นโดยตรงก็ตาม ในผลงานครั้งนี้ก็เช่นกัน โจทย์ชีวิตที่ไกลตัวของสักคนอาจเป็นเรื่องราวใกล้ตัวของเพื่อนสนิท หรือใครสักคนในชีวิตเราก็เป็นได้ ทางออกของปัญหาหรือวิธีการเผชิญหน้ากับมันจึงเป็นเรื่องที่เราเองก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด เพราะปัจจัยในชีวิตของเพื่อนมนุษย์แต่ละคนย่อมแตกต่างกัน การเรียนรู้ข้อแตกต่างและโอบกอดความหลายหลากเหล่านั้น อาจจะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ช่วยส่งต่อให้ในวันที่พายุพัดผ่านเข้ามาในชีวิต
เชจูที่ไม่ได้มีแค่ทะเล มารู้จักกับ Soft Power ที่เผยให้เห็นวิถีชีวิตบนเกาะเชจู
หากพูดถึงเชจูขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่หลาย ๆ คนนึกถึงคงจะเป็นทะเลสีครามไกลสุดลูกหูลูกตา ภาพที่เห็นถัดมาคงเป็นโขดหินสีดำที่ถูกน้ำกัดเซาะ แสงแดดอ่อน ๆ พร้อมประภาคารสีแดงตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังเป็นแน่ แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเชจูในซีรีส์ Our Blues เท่านั้น เพราะเกาะเชจูในครั้งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านวิถีชีวิตของผู้คน ผ่านเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ อาชีพ สถานที่ ผู้ที่เกิดและใช้ชีวิตมากับทะเล เราจึงได้เห็นมุมมองชีวิต ผ่านตัวละครหลายช่วงอายุ และซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นไปพร้อม ๆ กับได้รับการปลอบโยนจากคลื่นลมพายุที่พัดผ่านเข้ามาอีกด้วย
อาชีพที่เราเห็นบ่อย ๆ ในซีรีส์คือ แฮนยอ (แฮ – นยอ) นั่นเอง แฮนยอคือชื่อเรียกของกลุ่มนักประดาน้ำหญิงที่ประกอบอาชีพจับสัตว์น้ำบนเกาะเชจู เหล่าคุณป้าที่แข็งแรง (และแข็งแกร่ง) จะรวมตัวกันกันเป็นกลุ่ม พร้อมร่วมหัวจมท้ายแหวกว่ายไปในทะเลวันละ 7 – 8 ชั่วโมง โดยอาชีพนี้ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพสำคัญบนเกาะเชจูเลยก็ว่าได้
เล่าถึงประวัติความเป็นมากันบ้าง แฮนยอเป็นอาชีพเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยโชซอน ในยุคที่ผู้หญิงจำนวนมากถูกจำกัดสิทธิและบทบาททางสังคม แฮนยอเป็นหนึ่งในอาชีพที่ช่วยผลักดันบทบาทของผู้หญิง และช่วยทลายกำแพงบทบาททางเพศในสมัยก่อน ทำให้ผู้หญิงสามารถประกอบอาชีพและหาเลี้ยงตนได้ อีกทั้งยังเป็นเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนเศรษฐกิจระดับประเทศอีกด้วย
แล้วการใส่บทบาทแฮนยอลงมาในซีรีส์มีอิทธิพลอย่างไร ถึงขนาดเป็นหนึ่งใน Soft Power ล่ะ ?
จริงอยู่ที่แฮนยอเป็นอาชีพที่สำคัญในเชจู และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การ UNESCO ในปี 2016 ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่ปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบอาชีพแฮนยอลดน้อยลงอย่างมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ รวมไปถึงการฝึกทักษะต่าง ๆ ก็เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผู้คนออกไปหางานบนฝั่งมากขึ้นทำให้จำนวนแฮนยอลดลงอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นความกังวลของทางภาครัฐที่กลัวจะอาชีพนี้จะสูญหายไป จะเห็นว่าตัวซีรีส์ได้ใส่เรื่องราวส่วนนี้ลงมาด้วย โดยเผยให้เห็นการรับสาวต่างถิ่นอย่าง ยองอ๊ก (รับบทโดย ฮันจีมิน) เข้ามาเป็นแฮนยอรุ่นใหม่ พร้อมกับแสดงความเห็นของแฮนยอรุ่นคุณป้า ดังคำพูดของน้าฮเยจา (รับบทโดย พัคจีอา) “ที่เราต้องรับคนจากฝั่งเข้ามา นั่นเป็นเพราะเรากลัวว่ามรดกภูมิปัญญาแฮนยอจะไม่มีผู้สืบทอด เราต้องมีแฮนยอรุ่นใหม่มาสานต่อ สำนักงานจังหวัดเชจูก็แนะนำมาอีกด้วย”
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทางภาครัฐดำเนินการสร้างโรงเรียนสำหรับแฮนยอ (Jeju Hansupul Haenyeo School ) ให้ผู้คนที่สนใจในอาชีพนี้ได้ทำความรู้จักและเรียนรู้การประกอบอาชีพนักประดาน้ำสุดแกร่งแห่งเชจู ข้อดีคือเป็นอาชีพที่สามารถทำได้ถึงแม้อายุจะ 80 แถมแฮนยอยังไม่ใช่อาชีพที่จำกัดให้คนในท้องถิ่นทำได้อย่างเดียว ผู้คนจากเมืองอื่น หรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่มีความสนใจในอาชีพนี้ ต่างสามารถสมัครเข้าในโรงเรียนได้ เห็นแบบนี้แล้วกลยุทธ์การใช้สื่อบันเทิงควบคู่ไปกับการสะท้อนให้เห็นถึงวิถีความเป็นไปในสังคม ดูท่าจะเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *