รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก

ซีรีย์เกาหลี ซีรีส์แบบนี้แอดเคยดูมาก่อนแล้วรู้สึกไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แต่ลองมาดูแล้ว ก็สนุกมากพอๆกับ ซีรีส์อื่นๆ และในปีสองปีนี้เราจะได้เห็นภาพยนตร์และ ซีรีส์มากมายที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำของสังคมและ ความอ่อนแอของอำนาจรัฐจากเกาหลีใต้ แต่ Hellbound มีความแปลกใหม่กว่าด้วยนำเสนอประเด็นนี้เชื่อมโยงกับศาสนาและ ความเชื่อของคน เพราะเมื่อรัฐและ กฏหมายไม่สามารถ เป็น ที่พึ่งของประชาชนได้เมื่อภัยพิบัติหรือความอยุติธรรมมาเยือน ก็คงเหลือแต่เพียงการอ้อนวอนต่อพระเจ้า หรือการภาวนาให้ ดูหนังออนไลน์ กรรมเวรมีจริงเท่านั้น

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก

‘Hellbound ทัณฑ์นรก’ เป็นซีรีส์ Netflix Original เรื่องใหม่ที่พุ่งขึ้นแท่น Top 10 ซีรีส์ฮิตบน Netflix ใน 71 ประเทศทั่วโลกในทันทีหลังจากที่เข้าฉาย ด้วยการส่งต่อกระแสซีรีส์เกาหลีจาก Squid Game การันตีความสนุกจากฝีมือของผู้กำกับ ‘ยอนซังโฮ’ ที่มีผลงานดังอย่าง Train to Busan

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก

Hellbound ทัณฑ์นรก ถูกดัดแปลงมาจาก webtoon ชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวของ ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกลางกรุงโซลเมื่อมีอสุรกายปริศนาลากคนบาปไปลงนรก ทำให้กลุ่มสัจธรรมใหม่ และ ประทาน ‘จองจินซู’ (รับบทโดนยูอาอิน) ที่คอยเผยแพร่เรื่องปรากฏการณ์นี้มาก่อนถึง 10 ปี เรืองอำนาจขึ้นมา ประชาชนต่างหวาดกลัวเมื่อมีกลุ่มหัวศรที่ใช้ความรุนแรงจัดการกับคนที่คิดต่าง แต่ก็ยังมีคนที่กล้าตั้งคำถามกับปรากฏการณ์และ เร่ิมค้นหาสิ่งที่จะมาคานอำนาจของศาสนาใหม่นี้

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก ผู้กำกับยอนซังโฮกล่าวไว้ว่าเขาอยากจะนำเสนอการเกิดของตรรกะที่เข้ามาแทนที่เมื่ออำนาจรัฐล่มสลาย ตั้งแต่เปิดเรื่องผู้ชมจึงได้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของอำนาจรัฐผ่านตัวละครอย่าง ‘จินคยองฮุน’ (รับบทโดย ยังอิกจุน) ที่ เป็น ตำรวจแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถลงโทษคนร้ายที่ฆาตกรรมภรรยาของเขาได้ และ ตลอดตอนที่ 1-3 เราจึงได้เห็นกระบวนการเติบโตของ ‘สัจธรรมใหม่’ และ การสร้างความเชื่อหรือความจริงชุดใหม่ขึ้นมาได้อย่างง่ายได้ดาย คล้ายกับภาพสะท้อนการเปิดเผยหรือสร้างข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เพียงแค่มีหลักฐานทีจับต้องได้อย่างคลิป เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ การนำมาตีความไปในทิศทางทีต้องการ มีผู้นำความเชื่อที่น่าเชื่อถือ การบ่มเพาะรอเวลาอันเหมาะสม ตบท้ายด้วยการจัดการผู้เห็นต่าง ก็สามารถเปลี่ยน ‘ความเชื่อ’ ให้กลาย เป็น ‘ความจริง’ ได้

ส่วนตอนที่ 4-6 นำเสนอให้เห็นการสืบทอดอำนาจ การขยายตัวของความเชื่อ และ แสดงให้เห็นว่าในบางครั้ง ศาสนา การทำบาป และ การแยกคนดีกับคนชั่วอาจจะ เป็น เพียงข้ออ้างเพื่อยึดโยงอำนาจไว้ของคนบางกลุ่มเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้คำสอนที่ควรจะทำให้โลกกลาย เป็น ดินแดนในอุดมคติ เพราะมนุษย์จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการทำดี กลาย เป็น บทบัญญัติที่ให้กำเนิดนรกเพราะคำสอนเหล่านั้นถูกเผยแพร่และ บังคับใช้โดยคนที่กระหายอำนาจ

Hellbound จึง เป็น เสมือนภาพจำลองการปกครองในระบอบเทวาธิปไตย (Theocracy) อย่างสมัยโบราณที่ ‘เทพ’ เป็น ผู้กุมอำนาจสูงสุดผ่านทางผู้นำที่นำสารของพระเจ้ามาเผยแพร่ ผ่านทางตัวประทานจองจินซูและ กลุ่มสัจธรรมใหม่ที่ความผิดชอบชั่วดีและ การบริหารถูกตัดสินโดยตัวแทนของพระเจ้าอย่างที่เราได้เห็นตัวอย่างในฉากที่กลุ่มสัจธรรมใหม่ควบคุมรายการสารคดีในช่องโทรทัศน์ ดูหนัง 4k

นอกจากนี้ซีรีส์ยังสะท้อนให้เห็นว่า ในสังคมที่หวาดกลัวหรือในสถานการณ์เมื่อรัฐหรือวิทยศาสตร์ใด ๆ ไม่สามารถช่วยอะไรผู้คนได้ เป็น ช่วงที่ศาสนาเติบโตมากที่สุด สอดคล้องกับกระแสทั่วโลกที่ก่อนหน้า โควิด-19 จะมาเยือน ความนิยมในการมีศาสนานั้นลดลงไปเรื่อย ๆ ดูได้จากงานวิจัยของ Pew Resarch Center ในปี 2018 ที่บอกว่า ดูหนังออนไลน์ 4k ผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 40 ใน 41 จาก 106 ประเทศตอบว่าพวกเขาไม่ได้มีศาสนาที่เฉพาะเจาะจง แต่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 งานวิจับจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนค้นพบว่ามีการค้นคำว่า ‘บทสวดมนต์ (prayer)’ มากขึ้นสูงสุด เป็น ประวัติการณ์ใน 90 ประเทศ ดังน้ันหากเปรียบ Hellbound เป็น การสะท้อนให้เห็นการเติบโตของศาสนาใหม่ ตอนที่ 1-3 ก็คงเหมือนกับยุคทอง ส่วนตอนที่ 4-6 ของ Hellbound อาจจะเหมือนยุคหลังที่ศาสดาจากไป คำสอนถูกเผยแพร่ในวงกว้าง แต่ก็ทำให้ถูกตีความไปในทิศต่าง ๆ จนเกิดความเชื่อ เป็น กลุ่มย่อยอย่างกลุ่มหัวศรที่แม้จะเกิดจากพื้นฐานเดียวกัน แต่ก็สุดโต่งจนทำให้มีกระแสต้านจนสั่นคลอนความมั่นคงของศาสนานั้นได้

ความเหลื่อมล้ำที่แทบจะกลาย เป็น ลายเซ็นของซีรีส์เกาหลี เป็น อีกหนึ่งประเด็นที่ Hellbound เอื้อมไปแตะแม้จะไม่ใช่ประเด็นที่เด่นเท่าไหร่ แต่ก็นำเสนอมุมที่น่าสนใจ เพราะต่างกับเรื่องอื่น ๆ ที่มักจะเสนอให้เห็นว่าเบื้องหลังคนเลว มักมีอดีตที่น่าเห็นใจอยู่ แต่ Hellbound กลับชวนให้เราตั้งคำถามว่าปมในใจหรือชีวิตลำเค็ญ เป็น สาเหตุที่ทำให้คนทำบาปหรือไม่ หรือที่จริงปูมหลังอันโหดร้ายที่ส่งให้ผู้กระทำผิดได้รับความเห็นใจจากสังคม ทำให้พวกเขาหมดความละอายใจ เหมือนที่ตัวประทานจองจินซูพูดไว้ในเรื่องว่า

“ทำไมมนุษย์ถึงก่อบาปเหรอครับ เหล่าคนที่อ้างว่าทำเพื่อนเพื่อนมนุษย์และ คนที่อ้างว่ามนุษย์คือบรรทัตฐานของคุณค่าต่างก็บอกแบบนี้ครับ เพราะสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาแร้นแค้น เพราะความไม่เท่าเทียมของโครงสร้างสังคม เพราะมีความบกพร่องทางจิตใจ เพราะดื่มเหล้า เพราะเมายา บาปน่ะมันดำรงอยู่เพราะมนุษย์อยากจะก่อบาปครับ จากการปฏิเสธสิ่งนี้ มนุษย์จึงสูญสิ้นความละอายใจ ความสำนึกผิด การกลับใจ และ การไถ่บาปครับ”

ความเท่าเทียม

รีวิว Hellbound ทัณฑ์นรก ในเรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจเพราะชนชั้นในเรื่อง ไม่ได้ถูกแบ่งออกตามฐานะความยากดีมีจน แต่แบ่ง เป็น คนบาปและ คนดี และ ผู้ชมจะไม่ได้เจาะลึกลงไปสู่อดีตเพื่อสร้างความเห็นใจจากชะตากรรมที่น่าสงสารของคนบาปที่จะถูกลงทัณฑ์ แต่ตรงเข้าไปสู่การรับโทษที่เท่าเทียมไม่มีข้อยกเว้น จาก speech ของประทานจองจินซูเมื่อต้นเรื่องและ การดำเนินเรื่องในตอน 1-3 ทำให้ในตอนต้นเราอดคล้อยตามไปไม่ได้ว่าทางเลือกของการที่สังคมจะดำรงอยู่ในความเกรงกลัวและ ละอายต่อบาปอาจจะ เป็น เรื่องที่ดี

แต่เมื่อเรื่องคลี่คลายต่อไปในตอนถัด ๆ มา เรากลับมีคำถามใหม่ขึ้นมาว่าการตัดสินแบบนี้ยุติธรรมจริงหรือไม่เพราะการลงทัณฑ์ของพระเจ้าในเรื่องดูจะไม่ได้มีข้อกำหนดที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังสะกิดให้เราตั้งคำถามเรื่องความเชื่ออย่างเช่นบาปกำเนิดในตอนที่เด็กทารกที่เพิ่งเกิดโดนทูตสวรรค์แจ้งให้ตายตั้งแต่ยังไม่มีชื่อ ในขณะที่นักเลงในคราบนักบุญของกลุ่มสัจธรรมใหม่ยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ความเที่ยงธรรมของพระเจ้าที่ที่ถูกสร้างไว้ในตอนต้นจึงค่อย ๆ แตกร้าวก่อนจะพังทลาย เป็น ชิ้นในตอนสุดท้าย

อย่างไรก็ตามยังคงมีจุดให้เราสังเกตว่าถึงแม้เราจะไม่ได้โฟกัสไปที่ฐานะ ของตัวละครมากนักแต่ยังคงมีตัวละครอย่าง VIP หน้ากากขาว ผู้สนับสนุนใหญ่ของกลุ่มสัจธรรมใหม่ที่มาชมแบบลอยตัวอยู่เหนือปัญหา และ การที่เรื่องเน้นให้เห็นคนที่ถูกลงทัณฑ์ เป็น คนจากในชนชั้นกลาง ชนชั้นแรงงาน อาจจะสะท้อนให้เห็นว่าที่แท้แล้วกลุ่ม VIP คือผู้อยู่เบื้องหลังการแบ่งแยกชนชั้น ซึ่งเราต้องรอดูในซีซั่นต่อไปว่าประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคมจะถูกเล่นหรือขยายต่อไปหรือไม่

เมื่อเรื่องดำเนินไปเหตุการณ์อื่น ๆ ในเรื่องก็ยิ่งดึงให้เราเปลี่ยนข้างมาเห็นใจ ‘คนบาป’ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นชีวิตของเขาก่อนที่จะโดนลงทัณฑ์ก็ตาม เพราะพวกเขาได้กลาย เป็น เหยื่อที่ถูกกลุ่มหัวศรค้นประวัติมาประจานและ ตีความชีวิตอย่างผิด ๆ ถูก ๆ ทำให้เราเห็นว่าแม้พวกเขาจะ เป็น คนบาป แต่ก็สมควรที่จะได้รับสิทธิที่จะจากไปอย่างเงียบ ๆ และ ครอบครัวของเขาที่ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ควรจะได้มีชีวิตอย่างปลอดภัยต่อไป

การกระทำของกลุ่มหัวศรชวนให้นึกถึงวัฒนธรรมการการแบนซึ่ง พบเห็นกันได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลกในโลกออกไลน์ ที่มักเริ่มต้นด้วยความตั้งใจเรียกร้องสิ่งที่ดีให้กับสังคม แต่ในบางครั้งก็แปรสภาพกลาย เป็น การบุลลี่ ขุดอดีตมาโจมตี นำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาแฉ โดยคนบางกลุ่มที่อ้างว่าทำให้เห็น เป็น เยี่ยงอย่าง และ สร้างผลกระทบด้านลบลามไปถึงคนรอบตัวของคนบาปในเรื่อง หรือใครก็ตามที่เห็นต่าง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการใช้ความรุนแรงของกลุ่มหัวศรและ การบังคับใช้ความเชื่อทางศาสนาที่รุนแรง

ทำให้เมื่อยิ่งเรื่องดำเนินไปภาพของเพชฌฆาตที่ทุบตีฉีกทึ้งและ เผาร่างมนุษย์กลับไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์และ นักบวชในแจ็กเก็ตสีเขียวอ่อนด้วยซ้ำ ย่ิงชี้ให้เราเห็นว่านรกอาจจะ ดูหนัง ไม่ถูกสร้างโดยพระเจ้าแต่ผู้คนต่างหากที่สร้างนรกขึ้นมา การฟื้นคืนชีพในตอนสุดท้ายของพัคจองจา หญิงบาปที่โดนลงทัณฑ์ไปเมื่อต้นเรื่องจึง เป็น เหมือนการยืนยันว่านรกไม่ได้อยู่ที่อื่นแต่อยู่บนโลกของเรานั่นเอง

เมื่อรวมประเด็นที่น่าสนใจเหล่านี้ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ทั่วโลก บวกกับการเก็บรายละเอียดในงานภาพและ องค์ประกอบศิลป์ยิ่งทำให้ Hellbound เป็น ซีรีส์ที่น่าประทับใจ ทั้งการเลือกใช้มุมกล้องที่เน้นประเด็นของแต่ละซีนได้อย่างดี เช่นฉากที่ประทานจองจินซูให้สัมภาษณ์นักข่าว การเลือกถ่ายจากมุมต่ำ ทำให้สถานะความ เป็น ตัวแทนของพระเข้าของเขาชัดขึ้น หรือการใช้สีที่หม่นหมองยิ่งขับให้ความฉูดฉาดรุนแรงของสีเรืองแสงในฉากกลุ่มหัวศร ทำให้พวกเขาดูสุดโต่งขึ้นไปอีก สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ทำให้ Hellbound เป็น ซีรีส์ที่เล่าเรื่องได้สมบูรณ์และ ไม่น่าแปลกใจที่ซีรีส์จะได้รับความนิยมไปทั่วโลกไม่แพ้ Squid Game

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *