รีวิวซีรีส์ Strongest Deliveryman
ซีรีย์เกาหลี Strongest Deliveryman ซีรีส์เกาหลี สู้ชีวิต ดราม่า สร้างตัว บางครั้งดูก็ทำให้รู้สึกสู้ชีวิตขึ้นมาเลยแหล่ะ เรื่องนี้ เนื้อเรื่องดี เดินเรื่องก็ดี บทแต่ละคนก็เหมาะโดยบอกเล่าเรื่องราวของ ชเวคังซู
(รับบทโดย โกพยองคโย / Go Kyung Pyo) พนักงานส่งอาหารที่ทำงานมากว่า 5 ปีซึ่งเขาจะเป็นพนักงานส่งอาหารแค่พื้นที่ละ 2 เดือนและเปลี่ยนไปส่งที่ใหม่ทำให้เขามีเพื่อน ๆ ที่เป็นพนักงานส่งอาหารมากมาย โดยเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อตามหาแม่แท้ ๆ
” เราสร้างความหวังขึ้นมาได้นะ
ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย…มันก็จะไม่มีหวัง
ถ้าเราตั้งใจจริง…เราก็สร้างความหวังขึ้นมาได้ ”
โดยบอกเล่าเรื่องราวของ ชเวคังซู (รับบทโดย โกพยองคโย / Go Kyung Pyo) พนักงานส่งอาหารที่ทำงานมากว่า 5 ปีซึ่งเขาจะเป็นพนักงานส่งอาหารแค่พื้นที่ละ 2 เดือนและเปลี่ยนไปส่งที่ใหม่ทำให้เขามีเพื่อน ๆ ที่เป็นพนักงานส่งอาหารมากมาย โดยเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อตามหาแม่แท้ ๆ ของเขาที่ทอดทิ้งเขาและพ่อไป วันหนึ่งคังซูได้มาทำงานในร้านอาหารจีนบะหมี่พัลพัลในพื้นที่ที่ อีทันอา (รับบทโดย แชซูบิน / Chae Soo Bin) พนังงานส่งอาหารหญิงฝีมือดีที่ทำงานมาแล้ว 5 ปีเช่นเดียวกับเขาทำงานอยู่ ซึ่งทันอาพยายามทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะได้หนีไปจากประเทศนี้ เพราะเธอคิดว่าประเทศที่อยู่ไม่มีความหวังให้คนจนอย่างเธอประสบความสำเร็จในชีวิตได้
นอกจากนั้นยังได้เจอกับ อีจียุน (รับบทโดย โกวอนฮี / Go Won Hee) ลูกสาวของนักธุรกิจเจ้าของ จองกากรุ๊ป ซึ่งหนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากทำตามสิ่งที่แม่เธอต้องการไปตลอดชีวิต เธอได้ ดูหนัง 4k ชเวคังซูช่วยเหลือไว้และตกหลุมรักเขา จากนั้นก็ตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเองโดยทำงานที่ร้านกาแฟ หาเลี้ยงตัวเองไม่พึ่งครอบครัว และ โอจินกยู (รับบทโดย คิมซอนโฮ / Kim Seon Ho) ทายาทคนรองของโอซองกรุ๊ปที่ถูกครอบครัวตัวเองตัดหางปล่อยวัด เพราะเป็นคนไม่เอาไหน ชอบสร้างความเดือดร้อนซึ่งเป็นต้นเหตุให้รุ่นน้องที่สนิทของชเวคังซูต้องนอนโคม่าในโรงพยาบาล โอจินกยูพยายามฆ่าตัวตายแต่ก็ได้อีทันอาช่วยไว้ ภายหลังเกิดเรื่องราวมากมายทั้งความสัมพันธ์ของกลุ่มพนักงงานส่งอาหารที่ค่อย ๆ เกิดมิตรภาพ เรื่องราวทางธุรกิจ และความสัมพันธ์ของคังซูทันอาจินกยูและจียุน ที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น
สามารถรับชมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทั้งทาง iflix และ Netflix มีทั้งหมด 16 ตอน
รีวิวซีรีส์ Strongest Deliveryman
รีวิวซีรีส์ Strongest Deliveryman ความรู้สึกหลัง ดูหนังออนไลน์ |
ไทม์ไลน์เรื่องนี้ก็ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เนื้อเรื่องเดาง่าย ไม่ได้มีปมที่ต้องแก้หรือต้องให้คนดูคิดจนปวดหัว เนื้อเรื่องค่อนข้างเบาสมองสไตล์ ซีรีส์ฟีลกู๊ด ดูแล้วมียิ้มตาม มีขำแน่นอน มีซึ้งมีเลิฟไลน์ให้ชื่นใจ การดำเนินเรื่องก็ดูกระชับ ไม่ยืดหรือเร็วเกินไป ไม่ได้มีจุดพีคอะไรให้ว้าวมากมายแต่น่าติดตามมาก ๆ กำลังดีเลย เป็นอีกเรื่องที่ ดูได้ทุกเพศทุกวัย จริง ๆ อยากแนะนำเลย ส่วนที่ชอบคงเป็นบทของซีรีส์ที่เขียนออกมาได้ดีเลยสำหรับเรา ต้องบอกว่า โครตจับต้องได้ในยุคสมัยนี้ ทำไมน่ะเหรอ…
เพราะเนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันที่เราก็พอจะรู้อยู่แล้วว่า สังคมเกาหลีนั้นค่อนข้างมีการแข่งขันกันสูงทั้งการเรียน การทำงานต่าง ๆ ซึ่งในซีรีส์นั้นสื่อให้เห็นชัดเลยว่า คนรวยหรือคนที่มีต้นทุนชีวิตที่ดีนั้นย่อมมีโอกาสและข้อได้เปรียบมากกว่าคนจน เพราะบางคนขยันตั้งใจทำงานแทบตายเพื่อหาเงิน แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่กลับมีเงินใช้และมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ดูในจุดนี้แล้วบอกเลยว่าโครตไม่ยุติธรรมเลย แต่มันก็คือความจริงของสังคมเหมือนที่นางเอกชอบพูดบ่อย ๆ บางครั้งการเป็นคนดีน่ะเป็นได้ แต่ถ้าเป็นคนดีเกินไปก็จะเหนื่อยเปล่าและเจ็บปวดมากกว่าในสภาพสังคมนี้เพราะมันอาจเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แทบไม่มีความหวัง…
ในส่วนของ ความสัมพันธ์ตัวละคร ก็เป็นอีกสิ่งที่เราชอบมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและกลุ่มเพื่อน ๆ พนักงานส่งอาหารที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ว่าไงว่ากัน มีความเชื่อใจกัน ดูแล้วมันใจฟูมาก ๆ หรือความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกและเพื่อนนางเอก ที่ความเป็นอยู่ก็ไม่ต่างกันมาก ต่างฝ่ายต่างถามไถ่และให้คำปรึกษากัน
(จริง ๆ แล้วส่วนตัวก็ค่อนข้างชอบดูพวกความสัมพันธ์ของตัวละครต่าง ๆ อยู่แล้วถึงไม่ใช่พระนางก็เถอะ เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งเลยว่า ซีรีส์เกาหลีเค้าเก่งเรื่องการสร้าง Story ให้ตัวละคร บทตัวละครสมทบคือดีมาก ๆ บางครั้งฉากเล็ก ๆ ก็เรียกน้ำตาของเราได้เยอะเลยเวลาดู มันดีต่อใจอย่างบอกไม่ถูก ประทับใจมาก)
พอดูซีรีส์ไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะค่อย ๆ เห็นชีวิตของคนทำงาน ได้เห็นรูปแบบของการทำธุรกิจร้านอาหารมีการงัดเอากลยุทธ์การตลาดมาช่วยในการทำธุรกิจ การเริ่มต้นทำธุรกิจของคนที่มีต้นทุนน้อยซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังได้เห็นชีวิตของพนักงานส่งอาหารที่คนทั่วไปดูผิวเผินนอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่ดูไม่มีอนาคต แต่เวลาที่เราขี้เกียจออกไปซื้อข้าวกินการสั่งอาหารมาส่งที่บ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่หรอ (ก็ไม่ได้ต่างกับการสั่ง Foodpanda, Grabfood เลย)
มีสปอยด์นะคะกรุบกริบ
รีวิวซีรีส์ Strongest Deliveryman พระรอง และนางรอง เป็นตัวละครที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนคือ ทั้งคู่เป็นทายาทเศรษฐีทั้งคู่ ซึ่งนางรองเลือกที่จะออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่หวังพึ่งใคร ไม่อยากทำตามคำสั่งของแม่ตัวเองตลอดไป และ พระรอง ที่ในช่วงแรกบอกเลยว่าโครตนิสัยแย่ ไม่เอาไหนจนติดคุกและได้มีโอกาสออกมา เริ่มเปลี่ยนตัวเองตั้งใจทำงาน แม้จะ ดูหนังออนไลน์ 4k โดนหลอกใช้ในตอนแรก ได้เห็นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี นอกจากนี้ซีรีส์ยัง แฝงไปด้วยแง่คิดดี ๆ เยอะมากในการใช้ชีวิต ดูแล้วรู้สึกฮึดขึ้นมาเลย สร้างแรงบันดาลใจ ดีต่อใจมาก ๆ สื่อให้เราเห็นความเป็นจริงของชีวิตเหมือนคอยบอกเราลาง ๆ ว่า
เป็นคนดีนะ อย่ายอมแพ้ พยายามเข้า สักวันต้องมีหวังและประสบความสำเร็จ
ในส่วนของการแสดงก็ไม่มีอะไรมาก เพราะทุกคนแสดงได้ดีมาก ๆ อยู่แล้ว ส่วนตัวเราชอบคาแรกเตอร์นางเอกมาก ๆ ซูบินออนนี่แสดงเป็นสาวห้าวได้ดีมาก ๆ ❤ ฉากบู๊ก็ทำได้ดีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เตะต่อยเก่งมันน่ารัก เป็นนักแสดงเกาหลีคนหนึ่งที่เรารักและหลงมาก ๆ มีเสน่ห์ อีกตัวละครที่ชอบคือ พระรอง แสดงได้กวน…ดี ส่วนพระเอกนี่บอกเลยว่าช่วงครึ่งแรกขัดใจทรงผมหยิกหยอยของเขามาก 555
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นอีกทรงดูน่ารักไปเลย พวกฉาก เลิฟไลน์ ต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ ฟิน น่ารักดีมาก ๆ ทั้งพระเอกนางเอก และ พระรองนางรอง ส่วนตัวคิดว่าเคมีพระนางดูโอเคน่ารักดี แต่อาจไม่ถึงขึ้นชิปไรมากมาย เอาเป็นว่าฉากหวาน ๆ ก็ เขินบิด ได้ ส่วนพระรองนางรองนี่ค่อนไปทางตลกมากกว่า ชอบการเถียงกันมาก ๆ
เพลงประกอบซีรีส์
อยากบอกว่ามีเพลงพระเอกและนางเอกร้องด้วย
เรื่องนี้เพลงเยอะมากก เพราะมาก ๆ เช่นกัน ฟังสบาย ๆ ><
เหตุผลที่อยากให้ลองดู |
บทซีรีส์ดีจับต้องได้ เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย ดำเนินเรื่องดี
ฟีลกู๊ด ฮา สนุก น่ารักกรุบกริบ น่าติดตาม เบาสมองแต่ได้สาระ
ได้เข้าใจชีวิตมากขึ้นอีกนิด ได้แง่คิดดี ๆ เยอะมาก
ซีรีส์สร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ไทป์เดียวกับ Itaewon Class
เพลงเพราะ เพลงเยอะ ฟังเพลินฟังสบาย
เอาจริง ๆ ที่ดูซีรีส์เรื่องนี้ก็เพราะตามเก็บซีรีส์ของซูบินออนนี่ แต่ไม่รู้สึกผิดหวังเลยที่ได้ดู เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ดีมาก ๆ โดยรวมแล้วเราประทับใจนะ ถ้าให้เป็นคะแนนคงให้ 8/10 อยากติเรื่องสีภาพกับตอบจบนิดนึง ดูรวบรัดไปหน่อย เหมือนดีเทลบางส่วนหายไปเสียดายมาก ไม่ใช่ว่าจบไม่ดีนะแต่ยังไม่ได้ทำให้เราประทับใจมากเท่าไหร่ ส่วนเรื่องงานภาพมันดูธรรมดาไปหน่อย (ส่วนตัวติดการเสพงานภาพซีรีส์สวย ๆ แอบเรื่องมากนิดนึง) แต่ก็อยากให้ลองดูกันนะ เราเชื่อว่าอย่างน้อยต้องได้รับอะไรดี ๆ กลับไปบ้างหลังจากดูเรื่องนี้ ดูหนัง