รีวิว Kingdom Ashin of the North

ซีรีย์เกาหลี วันนี้เรามาลองแชร์ซีรีส์สนุกๆ แต่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักกันบ้าง เพราะมีหลายเรื่องดีๆ แต่ไม่ค่อยมีกระแส ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่สนุก แต่อาจจะเป็นเพราะยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ บางทีก็ไม่ได้อยู่ในช่องหลัก หรือไม่ได้โปรโมทในวงกว้าง แต่บอกเลยว่าเนื้อหาสนุกสุดๆ แบบที่ถ้าพลาดไปจะเสียดายแย่

รีวิว Kingdom Ashin of the North

เรื่องย่อ: การปรากฏตัวของสตรีลึกลับหลังสงครามชิงบัลลังก์โชซอนจบลงในซีรีส์ซีซัน 2 กำลังได้รับการเปิดเผยปูมหลังในหนังเรื่องนี้ ซึ่งยังเฉลยที่มาของดอกไม้ชุบชีวิตคนที่ทำให้เกิดคนตายเดินดินระบาดไปทั่วอาณาจักรโชซอนด้วยหลังความประหลาดใจในตอนจบของซีซันที่ 2 ซึ่งเผยหน้าของดาราดังอย่าง จอนจีฮยอน หรือ ยัยตัวร้าย จากหนัง ‘My Sassy Girl’ ที่ห่างหายจากวงการไปนานหลายปี มาปรากฏตัวเป็นตัวละครใหม่ที่ใบ้ว่าเป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมดด้วย

รีวิว Kingdom Ashin of the North

กระแสความตื่นเต้นที่จะได้ชมเรื่องราวซีซั

นต่อไปของซีัรีส์ ‘Kingdom’ ก็ยิ่งทวีคูณไปอีก แต่จะทำอย่างไรเมื่อกระบวนการถ่ายทำย่อมยากขึ้นใช้เวลานานขึ้น เมื่อสเกลเรื่องราวใหญ่โตจากสงครามเมืองชายแดน กลายเป็นสงครามกลางเมืองหลวง และกำลังกลายเป็นสงครามปกป้องอาณาจักร แฟนซีรีส์จะทนอดใจรอได้นานเกิน 1-2 ปีได้หรือไม่ นี่เป็นโจทย์ที่ทีมงานอาจขอคั่นด้วยหนังที่จะขยายความเข้าใจจักรวาลของซีรีส์ได้ไปพร้อมกัน

รีวิว Kingdom Ashin of the North

ฉากจบในซีรีส์ Kingdom ซีซัน 2
เรื่องราวของหนังจับใจความย้อนไปเป็นเป็นเวลาหลายปีก่อนเหตุการณ์ในซีรีส์ ณ ชายแดนตอนเหนือของโชซอนที่กำลังมีปัญหากับกลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนหนี่ว์เจินที่รวมเป็นประเทศที่ชื่อ พาจอวี ดังนั้นกองทัพโชซอนซึ่งนำโดยรองแม่ทัพ มินจีรก ผู้อุทิศตนเพื่อชาติซึ่งเคยปรากฏตัวในซีรีส์มาก่อนแล้ว จึงอาศัยชนกลุ่มน้อยของหนี่ว์เจินกลุ่มหนึ่งที่อยู่คั่นกลางคอยเป็นไส้ศึกเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวของพาจอวีโดยเสนอจะช่วยให้ได้เป็นข้าราชการของโชซอนต่อไป แต่เมื่อเกิดเหตุบางอย่างในเขตป่าลึกของโชซอนทำให้ชาวพาจอวีตายหลายคน โดยทหารโชซอนอ้างว่าเป็นการกระทำของเสือร้าย ก็กลับยิ่งสร้างความสงสัยของพาจอวีจนเสี่ยงจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามขึ้น

หัวหน้าพาจอวี ผู้อาจมีบทสำคัญในอนาคต?
จอนจีฮยอนรับบทเป็น อาชิน ตัวหลักของเรื่องที่วัยเด็กของเธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยหนี่ว์เจิน โดยพ่อของเธอเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่คอยรายงานโชซอนอยู่เสมอ นอกจากนั้นเธอยังได้ค้นพบดอกไม้ต้องห้ามที่ซุกซ่อนไว้ในป่าลึกพร้อมสลักคำเตือนว่า ดอกไม้นี้ชุบชีวิตคนตายได้ หากแต่ต้องรับผลในสิ่งที่ตามมา และหลังจากหมู่บ้านของเธอตกเป็นเหยื่อความขัดแย้งของพาจอวีและโชซอน อาชินจึงระเหเร่ร่อนมาขอให้รองแม่ทัพโชซอนมินจีรกซึ่งแสดงโดยดาราคุณภาพอีกคนอย่าง พักบยองอึน นั้นช่วยล้างแค้นให้พ่อของเธอ แลกกับการที่เธอจะสอดแนมพาจอวีให้

ต้องยอมใจในความเก่งในบทหนังของ คิมอึนฮี ที่สามารถใช้ตัวละครมินจีรกที่เราเคยรู้จักมาพลิกแง่มุมการนำเสนอว่าความรักชาติอาจไม่ได้มีเพียงมุมที่สวยงาม และยังทำให้ตัวอาชินนั้นยิ่งมีปมความขัดแย้งที่น่าสนใจน่าเห็นใจขึ้นไปอีก ไม่เพียงแต่ในหนังเรื่องนี้ แต่ยังโยงไปถึงความขัดแย้งระหว่างอุดมการณ์ของตัวละครนี้ในซีรีส์ซีซัน 3 กับพวกกลุ่มตัวเอกด้วย และผู้ชมอาจต้องเอาใจช่วยทั้งสองฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกันเลยทีเดียว นี่คือความสุดยอดที่สุดในบทอันย้อนแย้งแทงทะลวงอารมณ์ความคิดของผู้ชม

มินจีรก ตัวละครจากซีรีส์ที่จะมาเชื่อมสะพานระหว่างอดีตและปัจจุบัน
ด้านโปรดักชันยอมรับว่าผู้กำกับ คิมซองฮุน นั้นคุมซีรีส์สเกลใหญ่มาได้อย่างดีแล้ว พอมาทำเป็นหนังก็ยิ่งอยู่มือเข้าไปอีก เพราะเขาจับจุดเน้นได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งฉากใหญ่โตอลังการมากแต่คุมโทน ทำให้ผู้ชมดิ่งจมราวกับไปอยู่ในป่าชายแดนโชซอนได้อย่างอิ่มอารมณ์ มีฉากโชว์ มีฉากเน้นสวย คือประสบผลดีทั้งด้านสุนทรียะและด้านความบันเทิง ยิ่งการเล่าเรื่องอันซับซ้อนมีการเมืองหลายฝักฝ่ายในพื้นที่เดียวที่มาจากปากกาของคิมอึนฮีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้เล่าเรื่องได้ง่าย แต่คิมซองฮุนกลับทำได้ดีทีเดียว และที่ชื่นชอบมาก ๆ คือการใช้กิมมิกสิ่งของอย่างเช่น ธนูที่นางเอกเคยเห็นก็เฉลยเรื่องราวบางอย่างได้ ทำให้หนังมีความลื่นไหลและเท่ในการเล่าเรื่องด้วย

หนังยังสนองรสความอยากเห็นของผู้ชมได้ดี เพราะถ้าเล่ากันเพียงเรื่องการเมืองของคนเข้มข้นมันคงหนักไปเสียทุกส่วน มันจึงป้อนเราด้วยประสบการณ์หนังผจญภัยแบบหนังคนล่าเสือสมิง ไปจนถึงหนังล่าล้างแค้นของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยิ่งหนังปูดราม่าความแค้นได้หนักหน่วงเท่าไหร่ ฉากตอนท้ายของเรื่องก็ยิ่งสุมไฟความมันได้มากเท่านั้น นี่คือความเก่งในเชิงดราม่าที่ชาติเกาหลีเขาชำนิชำนาญเป็นพิเศษทีเดียว

จุดติงที่พอเห็นได้ชัด ก็คงเป็นรอยแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นตัวละครที่ทำจากซีจียังมีจุดลอยหลอกตาอยู่ ซึ่งหนังพยายามซ่อนด้วยการตัดต่อที่ไวอยู่แล้วแต่บางฉากที่แช่ภาพนาน ๆ ก็ไม่รอดเลย อาจเป็นความโชคร้ายของหนังที่เราเพิ่งได้ชมซอมบี้เสือเนี้ยบ ๆ ไปใน ‘Army of the Dead’ เมื่อไม่นานนี้จึงยังมีภาพเทียบชัดอยู่ นอกจากนี้อาจไม่ใช่ข้อติงที่ชัดเจนก็คือความน่าเสียดาย ที่หนังอาจยังใช้ความเป็นจอนจีฮยอนได้ไม่คุ้มนักเพราะแม้เธอจะมีคุณภาพการแสดงที่ดีแต่กว่าเธอจะได้ออกโรง ตัวละครก็พัฒนาไปเยอะจนมีคาแรกเตอร์หลักที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ไปแล้ว น่าเสียดายที่ได้เห็นการพัฒนาอารมณ์เชิงลึกด้วยฝีมือของเธอไม่มากนัก

รีวิว Kingdom Ashin of the North ซอมบี้คลั่งแค้น

รีวิว Kingdom Ashin of the North ต้องยอมรับว่า ‘Kingdom: Ashin of the North’ ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีคิดที่ชาญฉลาดทั้งในด้านการเล่าเรื่องและการตลาด ศักยภาพของหนังยาวเรื่องนี้ไม่ได้เพียงมาคั่นรอระหว่างที่ซีรีส์ซีซันที่ 3 ยังไม่มาถึง เพื่อไม่ให้กระแสหายนานเกินไป หากแต่ในแง่การตลาดมันยังช่วยดึงดูดคนดูหน้าใหม่ที่ยังจด ๆ จ้อง ๆ ไม่ดูตัวซีรีส์เพราะยังไม่มีเวลามากพอ ให้ลองชิมลางด้วยการดูหนังยาวชั่วโมงครึ่งที่อยู่ร่วมจักรวาลเดียวกันก่อนได้ และเชื่อเถอะว่าเบ็ดรสจัดจ้านเรื่องนี้ จะตกแฟนหน้าใหม่และบำเรอแฟนหน้าเก่าที่กำลังลงแดงได้อย่างอยู่หมัดทีเดียว

1. มีดาราชั้นนำมาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่ซีรีส์อิงตามประวัติศาสตร์ปกติ ถ้าคุณชอบ Game of Thrones ที่ผสมผสานระหว่าง Train to Busan ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะสำหรับคุณ มันมีส่วนผสมที่ลงตัวของคนที่หิวโหยอำนาจกับซอมบี้ผสมผสานกันเล็กน้อย เมื่อคุณได้ดูมันจะทำให้คุณประทับใจและสร้างความประหลาดใจให้คุณไม่น้อย นอกจากนี้ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีเหล่านักแสดงที่น่าประดับใจมากมาย

มีดาราชั้นนำมาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง
จูจีฮุน (องค์ชายลีชาง) ในการกลับมาครั้งนี้จูจีฮุนได้กลับมารับบทเป็นเจ้าชายอีกครั้ง เป็นเจ้าชายที่ไม่ได้ฝักใฝ่ในอำนาจแต่เขามุ่งมั่นจะตามหาความจริงและไม่มีซอมบี้คนใดสามารถหยุดเขาได้ การต่อสู้ของเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณจะเห็นว่าความพ่ายแพ้ไม่เคยอยู่ในคลังคำศัพท์ของเขา สำหรับจูจีฮุนเขาเคยขโมยหัวใจสาวไทยไปในซีรีส์เรื่อง Princess Hours แต่ขอบอกเลยว่าในเรื่องนี้เราจะได้เห็นบทบาทเขาในเรื่องที่ไกลตัวออกไปจากตอนที่เราเห็นเขาครั้งแรกใน Princess Hours แอบบอกอีกนิดสำหรับใครที่ยังไม่ทราบเขาก็คือพระเอกที่แสดงในเรื่อง Itaewon Class ด้วยนะคะ

แบดูนา (ซอบี) แบดูนาเป็นนักแสดงหญิงชาวเกาหลีใต้ที่มีชื่อเสียงมาก เธอมีชื่อเสียงมากจากการปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Cloud Atlas และ Jupiter Ascending ใน Kingdom เธอรับบทเป็นซอบี ผู้ช่วยแพทย์ที่ดูแลโรงพยาบาลชุมชนสำหรับผู้ยากไร้ในหมู่บ้านของเธอ เหตุการณ์พลิกผันอย่างมากเมื่อเกิดโรคระบาดที่แปลกประหลาดและลึกลับ เหตุการณ์นี้บังคับให้เธอต้องหนีเอาชีวิตรอด
รยูซึงรยอง (โจฮักจู) ในเรื่องนี้เขารับบทเป็นพ่อที่รักลูกมาก เขาพร้อมจะให้ทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเขา ด้วยการแสดงที่โดดเด่นของเขาจะทำให้คุณอารมณ์เสียได้เลย เพราะเขาแสดงได้สมบทบาทเกิน หากคุณเคยหลงรักเขาในเรื่อง Miracle in Cell No. 7 คุณคงเกลียดเขาในเรื่อง Kingdom แน่ ๆ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ไม่ดี แต่เป็นเพราะเขาทำได้ดีมากจนคุณเกลียดเลยแหละ

บทบาทของราชินีที่แสดงโดยคิมฮเยจุน
ข้างต้นเป็นเพียงนักแสดงที่มีบทบาทค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังมีบทบาทและนักแสดงที่มีคุณภาพอีกมากมายที่เราไม่ได้กล่าวถึง บทบาทหนึ่งที่เราขอชมเชยเลยคือบทบาทของราชินีที่แสดงโดยคิมฮเยจุน ขอบอกเลยว่าผู้เขียนไม่เคยเกลียดใครมากขนาดนี้จนกระทั่งได้พบบทบาทของเธอ การแสดงของเธอนั้นดูเรียบ ๆ แต่มันจะทำให้คุณรู้สึกหมั่นไส้เข้าสู่โสตประสาทเลย หากมีคนแบบเธอจริง ๆ บนโลกเธอจะเป็นคนที่คุณจะไม่ยุ่งด้วยอย่างแน่นอน

2. ภาพและการถ่ายทำที่น่าสนใจ
ในซีรีส์ Kingdom เกือบทุกเฟรมให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพวาดโดยมีภาพขนาดใหญ่ สีสันสดใสสวยงามและมีการจัดเฟรมที่ยอดเยี่ยม ในการถ่ายทำที่มีเอกลักษณ์จะช่วยเพิ่มความน่ากลัวและความยิ่งใหญ่ของฉาก นอกจากนี้ยังนำเสนอความสวยงามของเสื้อผ้าและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของเกาหลีโบราณ แต่ยังคงความน่ากลัวไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพและการถ่ายทำที่น่าสนใจ
สาเหตุหนึ่งที่หลายคนชอบซีรีส์เรื่องนี้เพราะฉากที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะใครจะคิดว่าซอมบี้จะมีอยู่ในยุคโชซอน? ใครจะคิดว่าจะมีความเป็นไปได้ที่มนุษย์กินเนื้อจะมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น? เหตุผลนี้ทำให้เรื่องราวแตกต่างจากเรื่องราวซอมบี้ทั่วไปที่เราเคยเห็น การจัดระดับสีของซีรีส์ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยความหรูหราเมื่อมาถึงฉากที่น่าขนลุกตัวซีรีส์จะมีเฉดสีสดใสของฤดูใบไม้ร่วงที่สดใสเช่น สีแดง ส้มและเหลือง ส่วนในฉากทั่วไปจะมีเฉดสีบลูส์และสีน้ำตาลอมเทาเพื่อบอกถึงอารมณ์ของฉาก นอกจากนี้ยังกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยซาวด์แทร็คที่เข้ากับแต่ละฉาก

3. มีเหล่าซอมบี้ที่ดูน่ากลัวชวนลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่อง
ขอบอกเลยว่าซีรีส์เรื่อง Kingdom คัดเลือกนักแสดงที่มาเป็นซอมบี้ได้ดีจริง ๆ เพราะว่าซอมบี้ในเรื่องนี้ไม่มี CG เลย ใช้คนแสดงล้วน ๆ ตัวละครแต่ละตัวสวมเสื้อผ้าทีเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเลือด นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งผิวหน้าและสวมใส่คอนแทคเลนส์สีขาวให้เหมือนกับซอมบี้จริง แม้ว่าซอมบี้พวกนี้จะถูกมองว่า “ติดเชื้อ” แต่เราก็สามารถเรียกง่าย ๆ ว่า “สัตว์ประหลาด” ก็ได้ ซอมบี้ในเรื่องนี้สามารถวิ่ง กระโดดและกัดได้เป็นการช่วยเพิ่มองค์ประกอบที่ทำให้คนดูหัวใจหยุดเต้นและบีบหัวใจมาก

มีเหล่าซอมบี้ที่น่ากลัว
ซอมบี้ในเรื่องสามารถกำจัดได้ด้วยการตัดหัวและการเผาแบบดั้งเดิม แต่หากไม่กำจัดมันมันจะไล่ล่าคุณตลอด สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความระทึกใจและความตื่นเต้นให้กับเรื่องราวของผู้รอดชีวิต ในซีซั่นแรกซอมบี้ต้องหลบหนีความร้อนของดวงอาทิตย์และคลานไปใต้ร่มเงาที่มืดมิดเพื่อซ่อนตัวรวมถึงใต้พื้นไม้ยกพื้นของบ้านแบบดั้งเดิมในยุคนั้น หรือใต้ก้อนหินขนาดมหึมาที่ขนาบข้างถนนและทางเดินเพื่อหลบหนี สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือการแพร่กระจายของเชื้อจะแพร่กระจายทันทีหลังจากโดนกัดด้วย แต่ในซีซั่นที่ 2 จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป นั่นเป็นเพราะความจริงของซอมบี้ถูกเปิดเผยว่าได้รับเชื้อมาได้อย่างไรและมีวิธีจัดการอย่างไร อีกทั้งในซีซั่นที่ 2 จะมีความโหดอยู่ที่ว่าซอมบี้นั้นสามารถออกล่าได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มันจะไม่กลัวแสงแดดอีกต่อไป

4. มีฉากต่อสู้ที่น่าประทับใจ
นอกจากท่าทางของการแสดงของซอมบี้ที่ทำให้เราหัวใจหยุดเต้นแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของนักรบด้วย ตัวละครแต่ละตัวมีท่าทางการฟันดาบที่สง่างามและแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ซีรีส์เรื่องนี้ผสมผสานระหว่างการต่อสู้ การเอาชีวิตรอดที่สิ้นหวังและการต่อสู้อย่างมีศิลปะ อีกทั้งยังมีตัวละครบางตัวที่แสดงออกถึงความกล้าหาญในการต่อสู้มากกว่าที่ผู้ชมคาดหวัง

มีฉากต่อสู้ที่น่าประทับใจ
กลยุทธ์ทางทหารในการตั้งรับมือกับ ดูหนังออนไลน์ เหล่าซอมบี้
ในซีรีส์เรื่องนี้เราจะได้เห็นกลยุทธ์ทางทหาร การใช้เครื่องมือและกับดักอย่างชาญฉลาดทำให้การแสดงรู้สึกเหมือนสงครามเต็มรูปแบบ ทุกคนในซีรีส์เรื่องนี้จะได้แสดงฉากบู๊ตั้งแต่องค์ชายและผู้คุ้มกันที่ถือดาบ รวมไปถึงยองชินก็มีความสามารถในการใช้อาวุธปืนได้อย่างยอดเยี่ยมและแข็งแกร่ง อีกทั้งตัวละครอย่างซอบีที่ดูเหมือนจะบอบบางแต่เธอก็กล้าที่จะต่อสู้ไม่หวั่นกลัวกับอันตราย

5. มีการวางอุบายทางการเมืองที่แยบยล
ในโลกนี้การแบ่งแยกชนชั้น มีความชัดเจนและส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการเมืองระดับโลกในยุคนั้นจริงๆ เช่นเดียวกับการแสดงศักดิ์ศรีอื่น ๆ ที่สร้างความสุขให้กับผู้ชม ในช่วง 2 – 3 ทศวรรษที่ผ่านมาการเมืองเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันในทุก ๆ เรื่อง ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน แต่เรื่องนี้จะต่างออกไปเพราะมีการเมืองและซอมบี้มาเกี่ยวข้อง เราพูดได้เลยว่าการเมืองดังกล่าวเป็นสาเหตุของการติดเชื้อทั้งหมดในตอนแรกมีการปล่อยโรคระบาดออกมาเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองโดยผู้นำที่ไร้ความปรานีอย่างเสนาบดีโจฮักจูหัวหน้าตระกูลโจผู้มีอำนาจ เพื่อทำให้ลูกสาวของเขากลายเป็นมเหสีของจักรพรรดิและปรากฏตัวต่อสาธารณะเพื่อโชว์ตัวว่ามีรัชทายาท แต่ก่อนที่รัชทายาทจะคลอดออกมากษัตริย์ก็สิ้นชีพแล้ว เขาเลยพยายามรักษากษัตริย์ผู้ล่วงลับให้กลับมามีชีวิต (ซอมบี้) เพื่อป้องกันไม่ให้มกุฎราชกุมารลีชางที่้เป็นลูกของสนมเข้าครองบัลลังก์ สำหรับซีรีส์เรื่องนี้โจฮักจูได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคนเดียวก็เป็นภัยคุกคามต่อตัวละครเอกมากพอ ๆ กับซอมบี้และการใช้กลวิธีเหล่านี้ทำให้ซีรีส์มีความซับซ้อนที่เหนือกว่าการต่อสู้กับซอมบี้ด้วย

กษัตริย์ผู้ล่วงลับที่ได้รับการรักษาให้ฟื้นขึ้นมาและกลายเป็นซอมบี้

รีวิว Kingdom Ashin of the North ขอบอกเลยว่าถึงแม้ซีรีส์จะมีเพียงแค่ 6 ตอนต่อ 1 ซีซั่นแต่ก็สามารถทำให้การแสดงมีจังหวะที่สมบูรณ์แบบในการเล่าเรื่องโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเร็วเกินไปหรือหยุดนิ่งเกินไป บ่อยครั้งซีรีส์ใน Netflix บางเรื่องมีจำนวนตอนที่เยอะมากแต่วกไปวนมามีบางเรื่องราวที่แทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ Kingdom หลีกเลี่ยงปัญหานี้ด้วยการนำเสนอตอนที่มีความยาวเต็ม 6 ตอนซึ่งแต่ละตอนเล่าเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นในขณะที่ยังคงหาบางช่วงเวลาที่จะปล่อยให้ผู้ชมได้หายใจหายคอบ้าง

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจคือเรื่องราวของซอมบี้ที่ไม่ได้เกี่ยวกับซอมบี้จริง ๆ ตามธรรมเนียมของซีรีส์สยองขวัญ แต่ซอมบี้เป็นตัวแทนของความเจ็บป่วยทางสังคมที่มีการแบ่งชนชั้น มีความหิวโหยในอำนาจที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อในตอนแรก มาถึงตอนนี้แล้วก็อย่าลืมไปติดตามซีรีส์เรื่อง Kingdom กันนะคะ ตอนนี้มี 2 ซีซั่นแล้ว คาดว่าซีซั่นภาคแยกอย่าง Kingdom: Ashin of the North น่าจะลงจอในต้นปี 2021 นี้เช่นกัน และหากต้องการรับชมซีรีส์เพิ่มเติมสามารถไปได้ที่ หากต้องการติดตามซีรีส์เพิ่มเติมสามารถไปได้ที่ ดูหนัง 4k , ดูหนังออนไลน์ 4k

จุดเด่น
คุณภาพสูงทั้งบทที่ดีมาก การกำกับที่ทำเรื่องซับซ้อนให้ ดูหนัง ง่ายและโคตรสนุก การแสดงที่ตรึงสายตาและชวนให้คิดตามความคิดภายในของตัวละคร และแน่นอนคะแนนหนังได้ตีบวกให้ตัวซีรีส์ยิ่งน่าติดตามขึ้นไปอีก

จุดสังเกต
ซีจียังมีความหลอกตา และน่าเสียดายที่หนังเหลือพื้นที่ให้จอนจีฮยอนใช้ทักษะการแสดงเชิงลึกและพัฒนาตัวละครได้น้อยไปหน่อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *