รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay ซีรี่ย์มาใหม่ มาแรง ปี 2022

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ เราจะมาแนะนำ และมา รีวิวซีรีย์เกาหลี อีกเช่นเคย โดยซีรี่ย์ที่เราจะมาแนะนำวันนี้ ก็กำลังมาแรงสุดๆ แม้ว่าจะออกอากาศมาสักพักแล้วก็ตาม แต่ช่วงนี้ ไม่รู้ทำไม แอดมินก็สงสัยเหมือนกัน กระแสอวย มาแรงจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช้การอวยปากเปล่า เพราะซีรี่ย์เค้าทำออกมาดีจริงๆ คุณภาพทุกตอนจริงๆ ใครอยากดูอยากรับชม ก็ไปติดตามกันได้ใน It’s Okay to Not Be Okay

รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay ซีรี่ย์โด่งดังข้ามคืน ของการกลับมาของ คิมซูฮยอน

“It’s Okay to Not Be Okay” เป็นซีรีส์ที่โด่งดังมากตั้งแต่มีข่าววางตัวการแสดง เพราะเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์คัมแบ็คของนักแสดงฮันรยูสตาร์อย่าง คิมซูฮยอน

หลังจากปลดประจำการทหาร หลังจากที่ทำให้แฟน ๆ คิดถึงมานาน ในที่สุดเขาก็ตอบรับว่าจะแสดงนำในซีรีส์เรื่องนี้ โดย It’s Okay to Not Be Okay

ซึ่งเป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “มุนคังแท” และ “โกมุนยอง” ที่พัฒนาความรักที่ผิดปกติไปพร้อม ๆ กับการรักษาบาดแผลทางอารมณ์และจิตใจของกันและกัน

หลายคนอาจจะคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้คล้ายกับนิทานแฟนตาซีที่มีตัวละครลึกลับและแปลกตา เพราะมีพล็อตที่แปลกใหม่นำเสนอชีวิตของผู้ดูแลในหอผู้ป่วยจิตเวชกับนักเขียนนิทานต่อต้านสังคม

และนักวาดภาพประกอบออทิสติกที่มีความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นซีรีส์ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราต้องการดูเพื่อปลอบโยนจิตใจที่อ่อนแอ

It’s Okay to Not Be Okay นำเสนอแง่มุมของชีวิตที่แตกต่างกันในขณะที่ซูมเข้าไปที่ตัวละครต่าง ๆ ซึ่งแต่ละคนมีบาดแผลเป็นของตัวเอง

มันมีหลายกรณีที่เราเห็นผู้คนและตัดสินว่าพวกเขาเป็นคนแบบนี้หรือคนแบบนั้น สิ่งนี้สามารถทำให้ผู้คนทำผิดพลาดและรู้สึกเสียใจ

ซึ่งเรื่องนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวการยอมรับผู้คนในสิ่งที่พวกเขาเป็นมากขึ้น หากวันนี้คุณกำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรดู It’s Okay to Not Be Okay ดีไหม? ไปดูคำตอบกันค่ะว่าทำไมคุณต้องดูซีรีส์เรื่องนี้

รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay

เรื่องย่อ It’s Okay to Not Be Okay

it’s okay to not be okay เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวของ 2 พี่น้อง อย่างมุนคังแท (คิมซูฮยอน) และ มุนซังแท (โอจองเซ) ในทุกฤดูใบไม้ผลิ 2 พี่น้องจะต้องย้ายที่อยู่

เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองใหม่ พวกเขาเข้าใจกิจวัตรนี้ดีเพราะพวกเขาทำมานานมากแล้ว จุดเริ่มต้นคือการเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าของแม่ของพวกเขาเมื่อพวกเขายังเด็ก

มุนคังแททำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช แต่ด้วยภาระงานที่เขาต้องดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก เขาจึงจำเป็นต้องหางานเป็นผู้ดูแลในโรงพยาบาลแห่งใหม่ทุก ๆ 10 เดือน

สุดท้ายเขาก็ได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ในเมืองซองจิน เมืองที่พวกเขาจำเป็นต้องจากไปเมื่อตอนยังเป็นเด็ก และ เป็นสถานที่ที่แม่ของพวกเขาถูกฆาตกรรมอีกด้วย

ก่อนที่พวกเขาจะก้าวไปสู่ที่นั่น มุนคังแทได้พบกับนักเขียนนิทานเด็กชื่อดัง “โกมุนยอง” (ซอเยจี) ด้วยความผิดปกติทางบุคลิกภาพของเธอ

โกมุนยองจึงเกิดความชื่นชอบถึงขั้นหมกมุ่นกับคังแท และ ยอมทิ้งชีวิตคนดังในโซลเพื่อมาตั้งรกรากในเมืองซองจินเพื่อให้ได้อยู่ใกล้กับเขา แต่ทั้งมุนคังแท มุนซังแท และ โกมุนยอง ต่างไม่รู้ว่าเขามีอดีตที่เจ็บปวดร่วมกัน

รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay

ความรู้สึกความประทับใจหลังดู It’s Okay to Not Be Okay

It’s Okay To Not Be Okay เป็นซีรีส์ที่แตกต่างจากซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยดูมาก่อน ตั้งแต่เรื่องราวแอนิเมชั่นที่สวยงามที่กระจัดกระจายไปทั่วแต่ละตอน

ไปจนถึงการใส่ใจในรายละเอียดที่เล็กที่สุดในการผลิต และ โครงเรื่อง ซีรีส์เรื่องนี้มีฉากหลังเหมือนเทพนิยายที่คล้ายกับเรื่องราวของหนังสือ

บางตอนเขียนขึ้นเพื่อการแสดงโดยเฉพาะ ด้วยองค์ประกอบแบบกอธิค – สยองขวัญ แฟชั่น และ การออกแบบการผลิตนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ได้ภาพที่เห็นซึ่งยังคงสอดคล้องกันตลอดทั้งเรื่อง

สิ่งที่โดดเด่นคือนักแสดงเรื่องนี้มีพรสวรรค์เกินตัว ตัวละครแต่ละตัวมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง แน่นอนมันเป็นงานที่ยากที่จะดึงคาแรคเตอร์มันออกมา และ พวกเขาทุกคนก็ทำได้ดีมาก

แต่นอกเหนือจากความสวยงาม และ การแสดงที่น่ายกย่องแล้ว เรื่องราว และ ข้อความที่ซีรีส์ถ่ายทอดออกมานั้นเป็นเรื่องที่มีความงามอยู่อย่างแท้จริง

ทางเรื่องจัดการกับหัวข้อที่ยาก และ ละเอียดอ่อน เช่น ความเจ็บป่วยทางจิต บุคลิกภาพ และ ความผิดปกติของพัฒนาการ

สุดท้ายแล้วทางเรื่องก็ได้แสดงให้เห็นว่าทุกคนได้รับการเยียวยาจากความเจ็บปวด และ เติบโตขึ้นมาได้อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงด้วยภาพเพื่ออธิบายคำศัพท์ทางการแพทย์ที่กล่าวถึงในฉาก และ นี่เป็นองค์ประกอบที่เราคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น

แม้ว่าทั้งตัวเรื่อง และ งานภาพจะโดดเด่นแปลกตามาก แต่เรื่องก็ไม่ได้ทิ้งแนวทางโรแมนติกของเกาหลีไป มีฉากขายฝันโรแมนติกของทั้งคู่ตลอดเวลาที่พบหน้ากันทุกครั้ง

และ ก็ยังสอดคล้องไปกับความดาร์คที่เป็นธีมของเรื่องอยู่ มีฉากโรแมนติกจ้องหน้ามองตาใกล้ ๆ แทบจะหายใจรดกัน ตัวภาพก็เลือกฟรีซนิ่งแช่ไว้แทบทุกครั้งที่มีฉากแบบนี้ให้คนดูได้อินฟินกันนาน ๆ ไปเลย

ถึงตัวเรื่องจะนำเสนอความดาร์คให้กับตัวละครทั้งคู่มีแบ็คกราวน์ชีวิตวัยเด็กที่เลวร้ายติดตัวจนมาถึงปัจจุบัน คนหนึ่งก็กลายเป็นพวกเร่ร่อนใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่ผูกสัมพันธ์กับใคร

อีกคนก็ต่อต้านสังคมสุดโต่งแบบไม่ไว้หน้าใคร แต่ว่าตัวเรื่องก็ไม่ได้ดูหดหู่อะไรมากนัก เพราะมีฉากตลกแทรกเข้ามาอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดเรื่อง

แม้กระทั่งช่วงที่เรื่องน่าจะดิ่งลง แต่กลับยิงมุกตลกร้ายซ้อนเข้าไปพร้อมกัน ทำให้เรื่องดูไม่หนัก มีอารมณ์ตลกตัดกันกับอารมณ์หน่วง ๆ ที่เป็นเมนหลักของเรื่องได้ดี

รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay

รีวิวซีรีย์เกาหลี It’s Okay to Not Be Okay ซีรี่ย์เกาหลี จากค่าย tvN ดูบน netflix ได้แล้ววันนี้

ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ของค่าย tvN ที่มาลง Netflix พร้อมกัน ออนแอร์ทุกสามทุ่มวันเสาร์-อาทิตย์ เรื่องราวของคนสองคนที่ผูกพันกันด้วยโชคชะตา

แต่นิสัยใจคอของทั้งคู่แตกต่างกันมาก “มุนคังแท” (รับบทโดย คิมซูฮยอน) พระเอกของเรื่องเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนย้ายที่อยู่ที่ทำงานไปเรื่อย ๆ กับพี่ชายที่เป็นออทิสติก “โกมุนยอง” (รับบทโดย ซอเยจี)

นางเอกผู้เป็นนักเขียนนิยายเด็กที่มีชื่อเสียงในแนวดาร์ค และ ตัวเธอเองก็เป็นพวกต่อต้านสังคม มีความรุนแรงพร้อมระเบิดอารมณ์อยู่เสมอ แต่ทั้งคู่กลับตกหลุมรักกันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดของกันและ กัน เรื่องราวความรักนี้จึงไม่ธรรมดาแน่นอน…

ต้องบอกว่ามีความแปลกของเนื้อเรื่องแบบที่คาดเดายากว่าจริง ๆ จะดำเนินไปเช่นไรในแต่ละตอน เพราะนอกจากบุคลิกนิสัยตัวเอกทั้งคู่จะแปลกพิสดารกว่าทั่วไปแล้ว

เรื่องยังนำเสนอหลายอย่างกึ่ง ๆ เหนือจริงผสมเข้าไปด้วย ทั้งในแบบแฟนตาซี ผี จินตนาการ เพ้อฝัน โดยที่เก็บงำความลับเนื้อเรื่องไว้ค่อนข้างมากตั้งแต่เปิดฉากมาเลย

เรื่องให้ทั้งคู่มาเจอกันโดยบังเอิญ ก่อนจะตัดแฟลชแบ็คย้อนอดีตที่มีความหลังร่วมกัน โดยมีนิทานของนางเอกมาเป็นตัวคั่นบอกเล่าปริศนานี้ว่า

มีเด็กถูกลบฝันร้ายในความจำออกไปจากการไปขอแม่มด แต่แล้วกลับพบว่าการลบความจำนั้นไปไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก มนุษย์ควรจะจดจำบาดแผลในใจไว้อยู่

เพื่อเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมาจากประสบการณ์ในอดีตที่เลวร้าย ซึ่งตัวนิทานของนางเอกจะมีบอกเล่าเพิ่มทุกตอน ทั้งเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ และ นิทานที่มีอยู่แล้วอย่าง

เจ้าหญิงนิทรา ราพันเซล เคราน้ำเงิน และ เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในแต่ละตอน เป็นการบอกเล่าเฉลยอ้อม ๆ ถึงปริศนาทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน ทำให้ตัวเรื่องมีความเพ้อฝันหลอน ๆ ลี้ลับกึ่งแฟนตาซีอยู่ตลอดเวลา

บทสรุป It’s Okay to Not Be Okay

ซีรีส์ที่ตัวเรื่องใช้นิทานทั่วโลกเป็นตัวเดินเรื่องทุกตอนตั้งแต่ต้นจนจบ โดยสะท้อนปมปัญหาทางจิตวิทยาของทุกตัวละครผ่านทางนิทาน เนื้อเรื่องมีความดาร์ค โรแมนติก

เศร้าปนเหงา ตลก อบอุ่นครบทุกอารมณ์ในทุกตอน และ ดำเนินเรื่องไปแบบคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป โดยไม่ได้เน้นเรื่องราวหักมุม

มีงานภาพที่ถูกครีเอทออกมาสะท้อนเรื่องราวได้สวยงามน่าทึ่งตลอดเวลา ดารานักแสดงลงตัวเหมาะสมกับบทได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะบทพี่ชายออทิสติกส์ของพระเอกที่เล่นได้อย่างโดดเด่นเป็นหัวใจที่สำคัญสุดของเรื่องนี้

ทั้งขึ้นต้นด้วยเรื่องราวของเขา และ ก็จบด้วยเรื่องราวของเขาเช่นกัน แม้จะมีจุดบอดเล็ก ๆ กับปมในอดีตที่เฉลยออกมาแบบขาดคำอธิบายให้เคลียร์

แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะไม่ใช่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง นี่จึงเป็นซีรีส์เกาหลีที่มีเรื่องราวแปลกใหม่ และ บรรจงสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตสวยงามตั้งแต่ต้นจนจบจริง ๆ ครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *